โดย อ.กามล แสงวงศ์
1 สิงหาคม 2558

ขณะที่ดูดวงเสี่ยท่านหนึ่ง เสี่ยท่านนี้เป็นเพื่อนสมัยเรียน เลยต้องเอาใจท่านหน่อย เผื่อจะได้ฝากผีฝากไข้ยามชรา

ท่านแอบถามเรื่องกิ๊กของท่าน พอเปิดได้ไพ่มหาดเล็กเหรียญ ก็แปลจากสถานการณ์ปัจจุบันได้ว่า “กำลังถูกเด็กหลอกเอาเงิน” เลยบอกท่านดังนั้น

ท่านก็โกรธมากว่าทำกับท่านได้อย่างไร ผมเลยบอกท่านว่า เป็นวัฎจักรชีวิต ทุกชีวิตรักกันเพราะเงิน แต่พอได้เงินมาง่าย ก็เอาไปใช้ง่ายๆ พอเงินหมดก็มาเอาใหม่ตามลำดับดังนี้

เสี่ยให้เด็กอาบอบนวด
เด็กอาบอบนวดให้เด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มให้กิ๊ก

เสี่ยอุทานขึ้นมาทันที
“กูไม่ได้หาเงินมาง่ายนะ กว่าจะขโมยเมียมาได้แต่ละบาท ลำบากจะตาย”

ขโมยเงินเมียมาให้หมอนวด!
เจริญแล้วมึง

โดย อ.กามล แสงวงศ์
3 สิงหาคม 2558

“อาจารย์คะ ทำไมหนูโชคร้ายจัง หนูถูกผัวทิ้งไปมีเมียใหม่ ทั้งๆที่หนูดีกับมันทุกอย่าง มันตกงานมาเป็นปีก็มีหนูนี่แหละที่ทำมาหาเลี้ยงมัน มันอยากกินอะไรหนูก็หาให้มัน ทำงานเหนื่อยจะตายกลับบ้านก็ต้องแวะซื้อกับข้าวมาทำให้มันกิน มันเจ้าชู้หนูก็ให้อภัยทุกครั้ง ดูซิว่าหนูดีขนาดไหน มันยังทิ้งหนูได้ลงคอ”

ผมเปิดไพ่ 1 ใบแล้วบอกเธอว่า “ในดวงบอกว่าหนูโชคดีมาก‬ หนูโชคดีที่จะไม่มีใครมาเบียดเบียน คราวนี้หนูจะได้เก็บเงินเก็บทองตั้งตัวสักที หนูโชคดีที่ต่อแต่นี้หนูจะมีเวลาของตัวเองมากขึ้น อยากไปเที่ยวไหนก็ได้ไป อยากนอนเล่นอยากขี้เกียจก็ทำได้ละ อยากไปวัดปฎิบัติธรรมก็ไปได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องเป็นห่วงกังวล หนูโชคดีที่จะได้นอนหลับเต็มตาโดยไม่กังวลว่าใครกำลังนอกใจหนู หนูโชคดีที่ไม่ต้องคิดแง่ลบจนทำให้ใจเศร้าหมองเกิดบาปกรรมแก่ตนเอง หนูโชคดีที่ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคเอดส์ หนูโชคดีที่เป็นโสดอีกครั้ง จะได้มีโอกาสเลือกคนดีๆเข้ามา”

“หนูโชคดีได้อย่างไร อาจารย์อย่ามาปลอบใจหนู ไพ่ตัวนี้มันไพ่เดทความตายนี่นา หนูรู้นะ ว่าไพ่ใบนี้มันไม่ดี มันตายเลยนะ”

อุต๊ะ! เจอลูกค้ามือโปรที่เดินทางดูไพ่ยิปซีจนทำนายได้แล้วมั๊งนี่

“ไพ่ความตายมันไม่ได้แปลว่าตายเสียทีเดียว มันแปลว่าจบ, สิ้นสุด, หมดไป ก็ได้ อย่างหนูนี่มันแปลว่าจบไง มันแปลว่าสิ้นสุดไง สิ้นสุดเคราะร้าย สิ้นสุดความทุกข์ทรมานสักที แน่นอนว่าไพ่มันแปลว่าทุกข์ใจได้ด้วย และหนูก็จะไม่ชอบการสิ้นสุดนี้เหมือนรูปผู้หญิงที่เบือนหน้าหนีตรงนี้” ผมชี้ไปที่มุมภาพด้านล่างตรงขวามือ “แต่หนูจะเสียใจกับคนเลวๆไปทำไม มันไปจากหนูนี่ถือว่าโชคดีโคตรๆแล้ว หนูจะให้มันเกาะกินเป็นพยาธิปากขอไปถึงไหน ดูจากรูปนี้นะ มันมีดวงอาทิตย์ขึ้นอยู่ตรงนี้” ผมชี้นิ้วขยับขึ้นมาตรงริมภาพตรงกลางด้านขวา

“มันหมายความว่า เมื่อไหร่ที่เรายอมให้เหตุการณ์มันจบลง ชีวิตเราก็จะเริ่มขึ้นอีกรอบ เหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นจากขอบฟ้า ชีวิตช่วงนี้ของหนูมันมืดมิด ทุกข์และโดดเดี่ยวเหมือนอยู่คนเดียวในห้องตอนตี 4 แต่หนูจะยอมให้มันเช้าสักทีหรือจะให้มันเป็นตี 4 ไปตลอดชีวิตก็อยู่ที่หนู แต่ถ้าหนูจะให้มันเช้า หนูก็ตื่นเสียที ออกไปวิ่งออกกำลังกาย ไปตักบาตร ไปอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ ทานอาหารอร่อยๆแล้วไปทำงาน พร้อมกับบอกตัวเองว่า ฉันเกิดใหม่ ฉันจะมีชีวิตใหม่ที่มีความสุข”

โดย อ.กามล แสงวงศ์
15 สิงหาคม 2558

ลูกค้าสาวอายุย่าง 24 ปีโทรมาดูดวง เมื่อเปิดไพ่ พบว่า ในดวงของเธอทุกอย่างดีหมด ยกเว้นตำแหน่งแม่เป็นไพ่ 9 ไม้เท้า

9 ไม้เท้าเป็นภาพของทหารที่ถูกทำร้ายแล้วหนีมาตั้งหลักแบบจนตรอก มันบ่งบอกถึงความกลัว ความเจ็บปวด ความต้องการที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยว

ผมจึงบอกเธอว่า ตอนวัยเด็กเธอน่าจะได้รับความเจ็บปวดหรือเสียใจจากแม่ของเธอทั้งๆที่เธอรักแม่มาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้จิตใต้สำนึกของเธอเจ็บปวดจากความเชื่อว่าเธอไม่มีคุณค่าพอ จึงไม่มีใครรักเธอจริง เมื่อจิตเชื่อแบบนี้ จิตก็จะหาสถานการณ์มายืนยันความเชื่อ ด้วยการทำให้เธอเลือกผู้ชายที่มีปัญหาเข้ามาในชีวิต เพื่อให้เธอรู้สึกว่าถูกทอดทิ้งทุกที

แล้วผมก็ถามเธอว่าตอนเด็กเธอมีอะไรกับแม่ เธอก็บอกว่า ก็รู้สึกว่าแม่ไม่รัก แม่รักคนอื่นมากกว่า แต่ก็ไม่เห็นจะมีผลอะไรนะ ผมเลยบอกเธอว่า ผลของมันคือเธอคบกับใครก็ไม่ยืด มีปัญหากันภายหลังทุกที ปีนี้ก็มี แต่เธอจะอดทนรอการปรับปรุงตัวของเขา และถ้าไม่ดีขึ้น เดือนหน้าเธอก็จะเป็นคนเลิกเอง เธอก็หัวเราะว่าใช่ และตัดสินใจจะเลิกเดือนหน้าจริงๆ

ผมแนะนำเธอว่า เรื่องแบบนี้ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ คือการต้องการคนมารักเรา และการไม่รักตัวเอง เธอต้องกลับไปเคลียร์เรื่องเก่าๆที่แม่ทำกับเธอในสมัยเด็กๆว่าทำไปทำไม แม่ไม่รักหนูเหรอ แล้วเราจะได้รู้ความจริง ว่าที่แม่ทำเพราะอะไร อีกทั้งเธอควรจะรู้จักให้ความรักกับแม่ตัวเองด้วย อันนี้ผมดูจากไพ่ 9 ไม้เท้า แล้วแปลกลับกันมันก็กลายเป็นแม่เธอก็มีความกลัว มีความเจ็บปวด และต้องการความรักจากเธอเช่นกัน

ผมบอกเธอว่า คุณรู้มั้ยว่า การโกรธแม่เท่ากับโกรธตัวเอง เพราะพ่อแม่คือเซลล์ต้นกำเนิดของทุกเซลล์ในร่างกายเรา ดังนั้น ร่างกายเราก็เท่ากับร่างกายพ่อแม่ ร่างกายพ่อแม่เท่ากับร่างกายเรา เมื่อเรารู้สึกไม่ดีกับพ่อแม่ ก็เท่ากับเรารู้สึกไม่ดีกับตัวเอง เมื่อจิตเรารู้ว่าเรารู้สึกไม่ดีกับเราเอง มันก็จะพยายามกำจัดตัวเราให้เรา เช่นให้ป่วย ให้คบคนไม่ดีเพื่อทำร้ายเรา หรือใช้สิ่งไม่ดีกับร่างกายเช่นติดสิ่งเสพติดเพื่อให้เราทุกข์เราเสียใจเราอยากทำร้ายตัวเองด้วยวิธีต่างๆ

เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ เราจึงต้องรักตัวเอง ด้วยการรักพ่อแม่ มีความสุขกับพ่อแม่ หรือถ้ารักไม่ได้ แค่การให้อภัยก็ยังดี เมื่อทำได้อย่างนี้ ชีวิตก็จะเริ่มดีขึ้นในทุกๆด้านเอง

โดย อ.กามล แสงวงศ์
18 สิงหาคม 2558

ในไพ่ยิปซีชุดไรเดอร์เวทที่ผมสอนอยู่นั้น ในกลุ่มไพ่หลัก เมเจอร์ อาคาน่า ไพ่ใบที่ 6 คือไพ่คู่รัก (The Lovers) ไพ่คู่รักมาจากคัมภีร์ไบเบิ้ลที่พูดถึงอาดัมกับอีฟมนุษย์คู่แรกของโลกที่ผิดกฎสวรรค์เลยต้องถูกลงโทษให้ลงมายังโลกมนุษย์ ในตำนานนี้จึงให้ความเชื่อว่าทั้งสองเป็นบิดามารดาของมนุษย์ทั้งปวงบนโลกใบนี้ ซึ่งอาจจะมีวัตถุประสงค์ให้ทุกคนที่เชื่อในคัมภีร์ไบเบิ้ล เชื่อว่าตนเองเป็นลูกหลานที่มาจากต้นสายเดียวกัน เราทุกคนคือญาติกัน ไม่ว่าจะผิวสีอะไร ตาสีอะไร เราทั้งปวงคือพี่น้องกัน คือครอบครัวเดียวกัน เมื่อเราเชื่อเช่นนั้น เราก็จะรักกัน .. แล้วเราก็จะหันมาเอาใจใส่กัน ห่วงใยกัน ช่วยเหลือกัน ไม่เบียดเบียนทำร้ายกัน ให้อภัยแก่กัน ยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน ไว้ใจกัน โลกนี้ก็เกิดสันติสุข โลกนี้ก็จะกลายเป็นสวนสวรรค์ของพระเจ้า

หลวงพ่อพุทธทาสเคยพูดว่า คำว่า ‪‎GOD‬ ที่แปลว่าพระเจ้านี้ มันก็น่าจะเป็นคำเดียวกันกับคำว่า ‪กอด‬ เพราะการกอดคือการยอมรับในความแตกต่างเห็นความดีแม้ว่าจะไม่เหมือนกัน คือการปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัย คือพวกเดียวกันเพราะเราเห็นเป็นพวกเดียวกันเราจึงต้องดูแลกันให้อยู่ดีมีสุข คือความเอื้ออาทร ห่วงใยเอาใจใส่ คือเมตตา คือการเปิดใจ ยิ่งโลกนี้มีความรักที่เปิดกว้างมากขึ้นเท่าใด สวนสวรรค์ของพระเจ้าก็จะอยู่ใกล้เรามากขึ้นเท่านั้น เราทุกคนสามารถสร้างสวนสวรรค์อังดงามอย่างมหัศจรรย์ที่เป็นดินแดนแห่งเสียงหัวเราะและความชื่นบานขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง ด้วยความรักของเรา ผ่านการกระทำที่อ่อนโยนทั้งปวง

โดย อ.กามล แสงวงศ์
30 กรกฎาคม 2558

ในไพ่ยิปซีชุดไรเดอร์ เวท ที่ผมใช้สอนเป็นประจำนั้น ไพ่ใบที่ 20 ของชุดเมเจอร์ อาคาน่า มีชื่อว่า JUDGEMENT ซึ่งมาจากความเชื่อในเรื่องวัน JUDGEMENT DAY ของชาวคริสต์ที่เชื่อว่าเป็นวันที่วิญญาณทุกดวงจะถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับไหล เพื่อรับฟังคำพิพากษาจากพระเจ้า

ไพ่ใบนี้เวลาทายจึงเอามาทายได้หลายประเด็น จะเป็นการฟื้นตัวในทุกสถานการณ์ก็ได้ หรือการรับผลของกรรมที่มาจากการกระทำของเราเองก็ได้ และบางทีมันอาจจะหมายถึงอะไรสักอย่างที่เข้ามาในช่วงที่กำลังท้อแท้ ล้มเหลว ผิดหวัง แล้วทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น อย่างเช่น บทความในหนังสือ คำพูดดีๆของบางคน การกอดหรือตบไหล่จากคนที่เรารัก หรือการฉุกคิดได้เองเมื่อจิตเข้าสู่สภาวะอย่างหนึ่ง สภาวะของจิตที่ได้รับพลังอะไรบางอย่างที่เหมือนแนะนำทางออก หรือเตือนไม่ให้เราถลำลึกลงไปในทางที่ผิดนี้ ผมเรียกมันว่า “เสียงกระซิบจากพระเจ้า” เสียงกระซิบแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ มันจะเป็นแรงบันดาลใจสร้างพลังชีวิตให้เราลุกขึ้นมายืนได้ใหม่อย่างเหลือเชื่อ และบางครั้ง มันก็ช่วยดึงเราออกจากปากเหวที่อันตรายได้อย่างหวุดหวิด อย่างเรื่องที่เพื่อนผมเขาเพิ่งเล่าให้ฟัง

เพื่อนผมคนนี้เป็นผู้บริหารหนุ่มของบริษัทที่มั่นคงมากอันดับต้นๆของเมืองไทย เป็นคนขยันทำงาน รักครอบครัว สุภาพและนิสัยดี ตอนปลายปีเขาทักผมเข้ามาในเฟส แล้วขอดูดวง ผมทำนายในเรื่องต่างๆให้เขา พร้อมย้ำว่า ระวังมีกิ๊ก ได้เสียกันเมื่อไหร่ฉิบหายแน่ เขาก็รับฟังแต่ไม่คิดอะไรมากเพราะเขาเป็นคนรักครอบครัวจึงไม่สนใจใครอยู่แล้ว
แต่แล้วเรื่องที่เตือนก็เกิดขึ้นในช่วงต้นปี มีเด็กมาชอบเขาหัวปักหัวปำ ส่วนเขาก็หลงจนถึงขนาดวางแผนเผด็จศึกให้ได้ เพียงแต่ยังไม่ได้เวลาที่เหมาะสมเท่านั้นเอง

เวลาผ่านไป3เดือนแห่งความร้อนรนทุรนทุราย เหตุการเริ่มสุกงอมเต็มที่ แต่ก่อนหน้าที่เขาจะได้ลงเอยกับเธอคนนั้น มีเหตุบังเอิญให้เขาได้ไปวัดเล่งเน่ยยี่แถวเยาวราช ขณะที่เขากำลังไหว้พระอยู่นั้น เขารู้สึกเหมือนมีอะไรเตือนเขา ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันผิดมาก มันน่าอาย จะเกิดความเสื่อมเสียแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลและหน้าที่การงานอย่างใหญ่หลวง
เขาจึงเลิกคบเลิกติดต่อ ลบไลน์เปลี่ยนเบอร์โทร ทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอให้ได้ ซึ่งกว่าจะจัดการเรียบร้อยก็แทบแย่
ขณะที่คุยกัน เขาบอกว่า เขายังเสียใจกับการหลงผิดของตัวเอง

ผมบอกเขาว่า เขาอาจจะโชคดีเพราะทำบุญไว้เยอะ หรือไม่ก็เพราะมีจิตใจสูงส่งระดับเทวดาอยู่แล้ว เพราะเทวดามีคุณธรรมที่ชื่อ หิริและโอตตัปปะ คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป จึงไม่ถลำลึกจนเสียผู้เสียคน

นี่คือบททดสอบของชีวิต เมื่อผ่านมันไปได้ เราก็จะเลื่อนระดับชีวิตขึ้นมาอีกระดับ ดังนั้น หลังจากนี้ต้องมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตแน่นอน หลังจากนั้น เขาได้ถามผมด้วยความฉงนสงสัย ว่าดวงชะตามันคืออะไรกันแน่ ทำไมผมจึงทำนายอนาคตเขาถูกต้อง หรือชีวิตทุกคนถูกลิขิตไว้อย่างนั้น ผมบอกเขาว่า ดวงชะตามันไม่ได้ลิขิตชีวิตเรา ‪‎ดวงชะตามันแค่จัดส่งเหตุการณ์มาให้เราในห้วงเวลาหนึ่งๆ‬ เพื่อเป็นบททดสอบจิตใจของเราว่าเราจะจัดการกับมันอย่างไร? คนอ่อนแอก็จัดการกับปัญหาด้วยการยอมแพ้และตกเป็นทาสของมัน ส่วนคนเข้มแข็งก็จะสู้สุดชีวิตและเอามันมาเป็นอุปกรณ์สร้างโอกาสให้ตัวเอง ดังที่พูดกันว่า ‪”‎เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส”‬ หรือ ‪”สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ‬”

นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ เพียงแต่รูปแบบและเวลาอาจจะแตกต่างกันบ้างเท่านั้น ดังนั้น คนที่ฝึกตัวเองมาดีแล้ว ถึงจะเจอความหักเหของชีวิตมากมายหนักหนาสาหัสเท่าไหร่ ก็จะไม่ย่อท้อ และก้าวผ่านมันไปในที่สุด ก็เหมือนกับเขาที่เผชิญกับมันมาแล้ว ดังนั้นเขาก็ไม่ควรจะจมอยู่กับความรู้สึกผิด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ก็เปรียบได้กับ คนที่วางแผนจะปล้นธนาคาร แต่แล้วก็เปลี่ยนใจกลางคัน จึงไม่มีคดีติดตัว ผมบอกเขาว่า จงให้อภัยตนเอง จงภาคภูมิใจและมีชีวิตอยู่ อย่างมีความสุข กับครอบครัว และความดีงามของตัวเองให้เต็มที่