กาลิเลโอ ในบทบาทโหราจารย์ประจำราชสำนักเมดิชี

พวกเราส่วนใหญ่มักรู้จัก กาลิเลโอ ในฐานะของนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ ผู้ซึ่งค้นพบดวงจันทร์สี่ดวงของดาวพฤหัสด้วยการส่องกล้องโทรทรรศน์ ผู้สนับสนุนแนวคิดดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะของโคเปอร์นิคัส จนถูกคริสตจักรไต่สวนและพิพากษาว่าเป็นพวกนอกรีต และกักขังเขาไว้ในบ้านตลอดบั้นปลายชีวิตของเขา เขาได้รับการขนานนามว่า บิดาแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

แต่กาลิเลโอนั้น ยังมีบทบาทอีกด้านหนึ่งที่คนไม่ค่อยรู้ นั่นคือ เขาเป็น โหร ที่ทำหน้าที่ทำนายดวงชะตาให้กับตระกูลเมดิชี ผู้อุปถัมภ์กาลิเลโอ ให้สามารถทำงานวิทยาศาสตร์ที่เขารักได้ ผู้นำตระกูลเมดิชีในยุคนั้นคือ คอสซิโม ที่ 2 แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี ผู้ปกครองแคว้นทัสคานีในยุคนั้น

ตอนที่กาลิเลโอ ส่องกล้องโทรทรรศน์ค้นพบดวงจันทร์ 4 ดวงของดาวพฤหัส เขาเรียกดวงจันทร์ทั้งสี่ว่า ดาวแห่งตระกูลเมดิชี (Medician stars) เพื่อเป็นตัวแทนของลูกชาย และน้องชายทั้งสาม ของคอสซิโมที่ 2 โดยกาลิเลโอ ถือว่า ดาวพฤหัส ประมุขของดาวศุภเคราะห์ทั้งหลาย คือ คอสซิโมที่ 2 เจ้านายของเขานั่นเอง

กาลิเลโอ

เราลองมาดูสำนวนการพยากรณ์ของ กาลิเลโอ ที่เขียนถวายแกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี ยุคนั้น ดังนี้

“ดาวพฤหัสบดี ณ ดวงชะตากำเนิดของฝ่าพระบาท ได้เคลื่อนผ่านหมอกมืดมัวของขอบฟ้าตะวันออก มาอยู่ ณ ตำแหน่งกลางฟ้า (Midheaven เรือนที่ 10) ส่องแสงสว่างไปยังทิศตะวันออก จากบัลลังก์แห่งนั้น ดาวพฤหัสบดีได้จ้องมองลงมายังการประสูติของผู้ทรงบารมี สาดแสงยิ่งใหญ่ตระการตา ผ่านลงมายังอากาศแสนบริสุทธิ์ เพื่อให้ลมหายใจแรกของร่างกายและจิตวิญญาณน้อย ๆ ของพระองค์ ซึ่งประดับด้วยอาภรณ์ของพระเจ้าและเครื่องประดับแห่งผู้สูงศักดิ์ ได้รับพลังและสิทธิอำนาจแห่งจักรวาล”

และอีกตอนหนึ่ง กาลิเลโอ ได้พูดถึงดวงจันทร์ทั้งสี่ของดาวพฤหัสที่เขาค้นพบว่า

“อันที่จริง ดูเหมือนว่าพระผู้สร้างดวงดาวได้เตือนข้าพระองค์ให้ขนานนามดาวที่ค้นพบใหม่เหล่านี้ด้วยพระนามอันลือเลื่องของพระองค์ก่อนนามอื่นใด ดวงดาวเหล่านั้นเปรียบเสมือนบุตรหลานอันทรงค่าของดาวพฤหัสบดี ไม่เคยหนีห่างไปไหนไกล ใครเล่าจะไม่รับรู้ถึงความเมตตากรุณา จิตวิญญาณอันอ่อนโยน กริยาอันน่าพึงใจ ความวิเศษแห่งเลือดขัตติยะ ความงามสง่าเมื่อยามทรงงาน และความกว้างขวางแห่งพระราชอำนาจในการปกครอง คุณลักษณะเช่นนี้ล้วนปรากฏแจ่มชัดในองค์ฝ่าพระบาท ข้ากล่าวว่า ใครเล่าจะไม่รู้ว่าคุณลักษณะเหล่านี้ย่อมส่องออกมาจากดาวพฤหัสบดี เป็นรองเพียงพระเจ้าผู้เป็นต้นกำเนิดแห่งความดีงามทั้งปวง”

ภาพประกอบในโพสต์นี้ ภาพแรกคือดวงชะตาของ คอสซิโม ที่ 2 เมดิชี แกรนด์ดยุกแห่งทัสคานี ที่เขียนโดยลายมือของ กาลิเลโอเอง เป็นรูปดวงชะตาที่นิยมในยุคนั้น

ดวงชะตา คอสซิโมที่ 2 เมดิชี แกรนด์ดยุกแห่งแคว้นทัสคานี คำนวณและเขียนโดย กาลิเลโอ

ส่วนภาพที่ 2 เป็นดวงชะตาของ แกรนด์ดยุก คอสซิโมที่ 2 ในรูปแบบดวงชะตาที่นิยมในปัจจุบัน โดยใช้เรือนชะตา Regiomontanus

ดวงชะตา คอสซิโมที่ 2 เมดิชี แกรนด์ดยุกแห่งแคว้นทัสคานี เขียนในรูปแบบดวงชะตาที่นิยมในปัจจุบัน โดยใช้เรือนชะตา Regiomontanus

น่าแปลกที่ กาลิเลโอ เน้นเฉพาะดาวพฤหัสในเรือนที่ 10 แต่ไม่ได้กล่าวถึง ดาวเสาร์ ที่กำลังเล็งลัคนาในดวงกำเนิดของ คอสซิโมที่ 2 เขาอาจตั้งใจข้ามไม่พูดถึงดาวเสาร์ไปเลย หรือบางทีเขาอาจเขียนไว้แต่ไม่มีหลักฐานมาถึงยุคปัจจุบัน ก็ได้

จากหลักฐานที่มี จึงยืนยันได้ว่า กาลิเลโอ บิดาแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เป็นโหรคนสำคัญในราชสำนักเมดิชี จริง เพียงแต่ที่เราไม่รู้กันอาจเป็นเพราะคนเขียนตำราเกี่ยวกับกาลิเลโอ พยายามเลี่ยงไม่ให้คนอ่านรู้ว่า ต้นแบบนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่อย่าง กาลิเลโอ ก็เป็นนักโหราศาสตร์เหมือนกัน อาจจะกลัวคนจะหาว่ากาลิเลโอยังงมงายอยู่ แต่หารู้ไม่ว่า โหราศาสตร์นั้นแท้จริงแล้วก็เป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้ง ตั้งอยู่บนการใช้เหตุและผล ไม่ได้เป็นวิชางมงาย เหมือนอย่างที่คนเขากล่าวหากัน

เขียนโดย พัลลาส Pallas
เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ปรมาจารย์โหร กาลิเลโอ กาลิเลอี
16 กุมภาพันธ์ 2022

ขอพรความรัก จากผู้เฒ่าจันทรา

ในคติความเชื่อจีน หนุ่มสาวมักไปขอพรให้สมหวังเรื่องความรัก กับ ผู้เฒ่าจันทรา (月下老人 เยว่เซี่ยเหล่าเหริน หรือเรียกย่อ ๆ ว่า 月老 เยว่เหล่า) ท่านเป็นเทพพ่อสื่อ เป็นชายชรา ที่ถือด้ายแดงเอาไว้ เพื่อผูกด้ายแดงจับคู่ชายหญิงที่มีวาสนาในความรักต่อกัน บางแห่งจะถือสมุดบันทึก ซึ่งเป็นสมุดที่ท่านคอยจดไว้ว่าใครเป็นคู่บุพเพสันนิวาสกันบ้าง

ผู้เฒ่าจันทรา ที่ วัดหวังต้าเซียน ฮ่องกง

เรื่องราวของผู้เฒ่าจันทรานี้ มีบันทึกเป็นหนังสือครั้งแรกในยุคราชวงศ์ถัง ราว ๆ พันกว่าปีก่อน ในหนังสือรวมเรื่องเล่านิยายต่าง ๆ ที่ชื่อว่า ซวี่เสวียนไกว้ลู่ (续玄怪录) ในบทที่ชื่อว่า ร้านหมั้นหมาย (ติ้งฮุนเตี้ยน 定婚店) เขียนโดย หลี่ฟู่เหยียน เรื่องมีอยู่ว่า…

มีบัณฑิตหนุ่ม ชื่อว่า เหวยกู้ เดินทางมาที่เมืองซ่งเฉิง ขณะพักที่โรงเตี๊ยม ได้พบผู้เฒ่าคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าร้าน เปิดสมุดที่เต็มไปด้วยอักษรประหลาดที่เหวยกู้อ่านไม่ออก เขาจึงถามท่านผู้เฒ่าว่า นั่นคือหนังสืออะไร ผู้เฒ่าตอบว่า เป็นสมุดบันทึกคู่บุพเพสันนิวาสของชายหญิงทั่วแผ่นดิน เหวยกู้สังเกตเห็นข้าง ๆ ท่านผู้เฒ่า มีกระเป๋าใบใหญ่วางอยู่ จึงถามอีกว่า ในกระเป๋านั้นใส่อะไร ท่านก็ตอบว่า ใส่ด้ายแดงวิเศษสำหรับผูกข้อเท้าชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ห่างกันแค่ไหน แตกต่างกันเพียงใด หากได้ผูกด้ายแดงเข้าด้วยกันแล้ว ทั้งคู่จะได้ครองคู่กันอย่างแน่นอน

ว่าแล้วท่านผู้เฒ่าก็เดินพาเหวยกู้ไปยังตลาด เมื่อถึงตลาด เห็นหญิงตาบอดอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเดินมา ท่านผู้เฒ่าจึงบอกกับเหวยกู้ว่า เด็กหญิงคนนั้นคือเนื้อคู่ของท่านในอนาคต เหวยกู้ฟังแล้วไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะบัณฑิตหนุ่มอย่างเขา ในภายหน้าย่อมได้เป็นขุนนางในราชสำนัก จะมามีเนื้อคู่เป็นลูกสาวคนตาบอดได้อย่างไร แต่ท่านผู้เฒ่าก็สำทับอีกทีว่า ด้ายแดงผูกไว้แล้ว ยังไงไม่แคล้วก็ต้องเป็นคู่กัน ว่าแล้วท่านก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย 

เหวยกู้ ไม่ต้องการให้คำทำนายของผู้เฒ่าเป็นจริง จึงสั่งให้คนรับใช้ไปฆ่าเด็กผู้หญิงคนนั้น หลังจากคนรับใช้มารายงานว่าได้สังหารแล้ว เหวยกู้จึงมั่นใจว่า ด้ายแดงจะไม่แผลงฤทธิ์อย่างแน่นอน

เวลาผ่านไป 14 ปี เหวยกู้ก็เข้ารับราชการเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่โต และเขาก็ได้สมรสกับธิดาของ หวังไท่ ผู้ตรวจการเมืองเซี่ยงโจว ในคืนวันสมรส เมื่อเขาเปิดผ้าปิดหน้าภรรยา พบว่า บริเวณคิ้วของภรรยามีรอยแผลเป็นจาง ๆ อยู่ จึงถามเธอว่า เกิดจากอะไร ภรรยาสาวก็ตอบว่า เมื่อ 14 ปีก่อน ตอนเธอเป็นเด็ก ได้ไปท่องเที่ยวเมืองซ่งเฉิง ขณะที่แม่นมอุ้มเธอเดินเที่ยวตลาดอยู่นั้น มีคนร้ายพุ่งเข้ามาใช้มีดแทงเธอแล้วหนีไป แต่โชคดีที่เธอโดนมีดแค่บริเวณคิ้ว ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แผลมีดก็กลายมาเป็นแผลเป็นถึงทุกวันนี้ เหวยกู้ได้ฟังก็ตกใจมาก จึงเล่าเรื่องราวเมื่อ 14 ปีก่อนให้เธอฟัง จึงรู้กันว่า ผู้เฒ่าท่านนั้นคือ เทพพ่อสื่อผู้คอยผูกด้ายแดงจับคู่ให้มนุษย์ และทั้งสองก็ครองรักอย่างมีความสุขและยั่งยืนไปตลอดชีวิต

ต่อมา นายอำเภอเมืองซ่งเฉิงทราบเรื่องราวนี้ จึงเปลี่ยนชื่อร้านแห่งนั้น จาก หนันเตี้ยน เป็น ติ้งฮุนเตี้ยน ที่แปลว่า ร้านหมั้นหมาย นั่นเอง

อ่านเรื่องนี้แล้ว ก็รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของผู้เฒ่าจันทรา แต่ก็แอบรู้สึกว่า บัณฑิตเหวยกู้ ก็โหดใช่เล่น บุญเก่าคงมีเยอะจึงยังโชคดีฆ่าเนื้อคู่ตนเองไม่สำเร็จ ไม่งั้นบาปกรรมคงตามมาภายหลัง

เรื่องราวของผู้เฒ่าจันทรา จึงกลายมาเป็นคติความเชื่อของชาวจีน หากผู้ใดต้องการขอพรให้สมหวังในความรัก ให้ได้เจอเนื้อคู่ ก็มักจะไปขอพรจาก เยว่เหลา หรือ ผู้เฒ่าจันทรา

ผู้เฒ่าจันทรา ที่มีชื่อเสียงและคนไทยนิยมไปขอพร ในฮ่องกง จะมีที่ วัดหวังต้าเซียน ที่นั่นประดิษฐานรูปเยว่เหลา องค์สีทองงดงาม ถือด้ายแดงอยู่ระหว่างรูปปั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาว คนไปไหว้ก็นำด้ายแดง ทำมือมุทราตามแบบที่วัดแสดงไว้ แล้วไปผูกไว้เพื่อให้รักสมหวัง

ผู้เฒ่าจันทรา วัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราช

ช่วงนี้ไปต่างประเทศไม่สะดวก ก็สามารถไปไหว้ขอพรเยว่เหลา ได้ที่ วัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราช เมื่อหันหน้าเข้าหาองค์พระประธาน ให้มองไปทางขวา จะมีตู้รวมเทพเจ้าต่าง ๆ เดินไปตรงนั้น จะมีป้ายเขียนว่า 月下老人 (ง้วยแอ๋เหล่านั้ง) เทพเนื้อคู่ ขอพรคู่ชีวิต คำว่า ง้วยแอ๋เหล่านั้ง เป็นภาษาแต้จิ๋วของคำว่า เยว่เซี่ยเหล่าเหริน นั่นเอง ในตู้นั้นจะมี เทียงโหวเซี้ยบ้อ เจ้าแม่เทวีสวรรค์, ฮั่วกวงไต่ตี่ เทพอัคคีสามตา, กิมฮวยเนี้ย แม่ซื้อ และ เฮี่ยงตั้วเตียกเม้ง ไฉ่ซิ้งเอี๊ยภาคบู๊ อยู่ด้วยกัน

เล่าไว้ในวันวาเลนไทน์​ 2022 ขอให้ทุกท่านสมหวังในความรักนะครับ

****************************
เขียนโดย พัลลาส Pallas
14 กุมภาพันธ์ 2022
****************************