สุขสันต์วันเกิด แฮร์รี่ พอตเตอร์

ตามนวนิยายชื่อดังของ เจ เค โรว์ลิ่ง เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั้น พระเอกของเรื่องเกิดวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งตรงกับราศีสิงห์ และเป็นวันเกิดเดียวกับผู้แต่ง ในฐานะนักโหราศาสตร์พบว่า นวนิยายเรื่องแฝงเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับโหราศาสตร์ไว้มากมาย เชิญอ่านได้เลยครับ

โหราศาสตร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน 1 

โดย Pallas
สิงหาคม 2550

          แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) เป็นนวนิยายสำหรับเด็กที่ขายดีที่สุดในโลก ประพันธ์โดย J K Rowling ชาวอังกฤษ นวนิยายเรื่องนี้เป็นนวนิยายชุด มีทั้งหมด 7 ตอน ตั้งแต่วางแผงในประเทศสหราชอาณาจักรครั้งแรกเมื่อปี 2540 ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการหนังสือเด็ก ที่ได้รับการแปลมากกว่า 63 ภาษา และสามารถขายได้กว่า 325 ล้านเล่มทั่วโลก (เฉพาะ 6 ตอนแรก ยังไม่รวมตอนสุดท้ายที่เพิ่งวางแผงไปเมื่อ 21 กรกฎาคม 2550 นี้) 

          เรื่องราวในนวนิยายเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโลกพ่อมดแม่มด มีการผูกเรื่องไว้อย่างซับซ้อนและสนุกสนาน บ่งบอกถึงความเป็นอัจฉริยะของผู้ประพันธ์ เรื่องราว ชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ และเนื้อหาได้ประมวลความรู้จากหลากสาขาวิชาเข้าด้วยกัน ทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา จิตวิทยา มนุษยวิทยา อักษรศาสตร์ ดาราศาสตร์ รวมไปถึงโหราศาสตร์อีกด้วย 

          เมื่อผมอ่านนวนิยายเรื่องนี้ครั้งแรกนั้น ก็อ่านด้วยความเพลิดเพลิน ไม่ได้สังเกตเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ ต่อมา เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็สังเกตพบว่า เจ เค โรว์ลิ่ง ได้ซ่อนประเด็นสำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์ไว้ในเนื้อเรื่องอย่างแยบยล แม้ว่าเธอไม่เคยเปิดเผยว่า เธอมีความรู้ทางโหราศาสตร์หรือไม่ แต่เนื้อหาในนวนิยายก็บอกอย่างชัดเจนว่าเธอมีความรู้ทางโหราศาสตร์อยู่พอสมควร ที่สำคัญผมเชื่อว่า นักศึกษาโหราศาสตร์สามารถเรียนรู้โหราศาสตร์จาก นวนิยายเรื่องนี้ได้ไม่น้อยเช่นกัน 

          บทความนี้ผมตั้งใจที่จะหยิบยกประเด็นทางโหราศาสตร์ที่ผมสังเกตพบจากนวนิยายเรื่องนี้ บางเรื่องเมื่อค้นในอินเตอร์เน็ตแล้วพบว่ามีคนกล่าวถึงอยู่บ้าง แต่มีส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยในรายละเอียด ซึ่งผมถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความเห็นแตกต่างกัน การพูดคุยถกเถียงในเรื่องทำนองนี้มักจะทำให้ผู้ร่วมเสวนาได้รับความรู้มากขึ้นอยู่เสมอ

ประเด็นที่ 1: บ้านทั้งสี่ในโรงเรียนฮอกวอตส์

          ฉากสำคัญของเรื่องนี้คือ โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ (Hogwarts School of Witchcraft and Wizardry) ซึ่งตัวละครหลักคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เรียนอยู่ที่นั่น โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำ ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วจะต้องแบ่งนักเรียนออกเป็นบ้าน สำหรับฮอกวอตส์นั้นแบ่งเป็น 4 บ้าน ได้แก่ กริฟฟินดอร์ (Gryffindor), ฮัฟเฟิลพัฟ (Hufflepuff), เรเวนคลอ (Ravenclaw) และสลิธีริน (Slytherin) ในแต่ละปี เมื่อโรงเรียนเปิดเทอม นักเรียนใหม่จะได้รับการคัดสรรเข้าบ้านแต่ละบ้านโดยการสวมหมวกคัดสรร (Sorting Hat) ลงบนศีรษะ และหมวกคัดสรรจะตัดสินใจเลือกบ้านให้กับเด็กแต่ละคน

          ในแต่ละปี หมวดคัดสรรจะร้องเพลงที่เป็นการอธิบายคุณสมบัติต่างๆที่บ้านทั้งสี่ของฮอกวอตส์ต้องการ หากนักโหราศาสตร์อ่านคุณสมบัติของแต่ละบ้านดีๆก็จะพบว่า บ้านทั้งสี่ก็คือตัวแทนของธาตุทั้งสี่หรือมหาภูตรูป ไฟ ดิน ลม น้ำ นั่นเอง เราลองทวนบทเพลงของหมวกคัดสรรจากภาคแรกดูนะครับ

“..เธออาจไปอยู่บ้านกริฟฟินดอร์          ซึ่งเป็นหอของผู้กล้าหัวใจสิงห์
ชอบท้าทายเป็นวีรบุรุษยิ่ง          นี่คือสิ่งสัญลักษณ์กริฟฟินดอร์
ฮัฟเฟิลพัฟอาจเป็นแห่งที่เธอไป          บ้านนี้ไว้คนทนไม่ย่อท้อ
ยุติธรรมภักดีไม่รีรอ          ไม่สอพลอไม่เกี่ยงงานวานก็ทำ
พวกฉลาดไปอยู่เรเวนคลอ          บ้านนี้ขอคนเก่งพูดขันขำ
อีกเรียนรู้วิชาการเป็นประจำ          สิ่งสำคัญคือต้องมีความรู้ดี
หรือเธออาจไปอยู่สลิธีริน          ซึ่งเป็นถิ่นพบมิตรแท้ชีวิตนี่
ฉลาดโกงใช้ทุกยุทธวิธี          ให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ใจต้องการ..”

          หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้หลายๆรอบ ผมได้สังเกตและตั้งสมมติฐานว่า บ้านกริฟฟินดอร์ มีลักษณะของธาตุไฟ บ้านฮัฟเฟิลพัฟมีลักษณะของธาตุดิน บ้านเรเวนคลอมีลักษณะของธาตุลม และบ้านสลิธีรินมีลักษณะของธาตุน้ำ จากนั้นผม ได้รวบรวมคุณลักษณะของบ้านแต่ละหลังได้ดังนี้

กริฟฟินดอร์

ฮัฟเฟิลพัฟ

เรเวนคลอ

สลิธีริน

บุคลิก

 กล้าหาญ 

อดทน 

ฉลาด 

มีเล่ห์เหลี่ยม

ตราสัญลักษณ์

สัตว์

 สิงโต

 แบดเจอร์

 นกอินทรี

 งู

อาจารย์ประจำบ้าน

มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล

 สเปราต์ 

ฟลิตวิก 

เซเวอร์รัส สเนป

           เริ่มจากบ้านกริฟฟินดอร์ ซึ่งมีตัวละครหลักของเรื่องทั้งสามคนอยู่ในบ้านหลังนี้ คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์, รอน วีสลีย์และ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ จุดเด่นของบ้านนี้คือมีความกล้าหาญ ชอบผจญภัย และไม่ได้อยู่ในกรอบกติกาซักเท่าไหร่ (พูดง่ายๆคือชอบแหกกฎนั่นเอง) ที่สำคัญคือมักเป็นบ้านที่ได้รับรางวัลบ้านดีเด่นประจำปีอยู่เสมอ ลักษณะเหล่านี้ตรงกับราศีธาตุไฟ หรือราศีเมษ สิงห์ ธนู ซึ่งอาจารย์วิโรจน์ได้สรุปไว้ว่า “รุก บุกเบิก ขยาย” สำหรับสัตว์ประจำบ้านของกริฟฟินดอร์นั้นคือสิงโต ซึ่งก็ชัดเจนว่าหมายถึง ราศีสิงห์ ส่วนศาสตราจารย์มักกอนนากัล อาจารย์ประจำบ้านกริฟฟินดอร์นั้นเป็นอาจารย์สอนวิชาแปลงร่าง ที่มีลักษณะเด่นคือ อยากให้บ้านที่ตนเองดูแลอยู่ชนะการแข่งขันกีฬาควิดดิช (ด้วยความยุติธรรม) ซึ่งการแข่งขันกีฬาก็หมายถึงราศีสิงห์นั่นเอง (อย่างไรก็ตามเนื่องจากศาสตราจาย์มักกอนนากัลเกิด 4 ต.ค. ราศีตุล จึงมีลักษณะของความเป็นผู้รักความยุติธรรมและสมานฉันท์ปนอยู่ด้วย)

          ธาตุดิน หรือบ้านฮัฟเฟิลพัฟ เป็นบ้านที่ดูจะเงียบๆ ไม่มีตัวละครที่เด่นมากนัก บุคลิกของบ้านนี้คือความอดทนมานะพยายาม ซึ่งตรงกับลักษณะของธาตุดิน ที่มีลักษณะของความมั่นคง อุตสาหะ จริงจัง สงบเสงี่ยม ตัวละครในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เด่นที่สุดของบ้านนี้คือ เซดริก ดิกกอรี่ ตัวแทนของฮอกวอตส์ที่เข้าแข่งขันประลองเวทไตรภาคีร่วมกับแฮร์รี่ในภาคที่สี่ คำบรรยายบุคลิกของเซดริกที่ดีและตรงกับธาตุดินมากที่สุด น่าจะมาจากคำพูดของศาสตราจารย์ดับเบิลดอร์ อาจารย์ใหญ่ที่ว่า “..เซดริกเป็นบุคคลตัวอย่างที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงคุณสมบัติมากมายหลายประการที่ทำให้บ้านฮัฟเฟิลพัฟโดดเด่น เขาเป็นเพื่อนที่ดีและไม่เปลี่ยนแปรเป็นอื่น เขาขยันและเห็นคุณค่าของการเล่นตามกฎกติกา..” เมื่อเรามาพิจารณาสัตว์ประจำบ้านฮัฟเฟิลพัฟคือตัวแบดเจอร์ (Badger) ซึ่งเป็นสัตว์ที่ชอบขุดรูอยู่ในดิน ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าหมายถึงธาตุดินนั่นเอง สำหรับอาจารย์ประจำบ้านนั้นคือ ศาสตราจารย์สเปราต์ อาจารย์ผู้สอนวิชาสมุนไพรศาสตร์ (เกิด 15 พ.ค. ราศีพฤษภ ธาตุดิน) ที่สอนนักเรียนเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้และพืชสมุนไพรซึ่งก็เกี่ยวข้องกับดินอีกเช่นเคย

          บ้านเรเวนคลอ บ้านของคนฉลาด ชอบเรียนรู้ ตรงกับลักษณะของธาตุลมที่อาจารย์ประยูรได้ให้คุณสมบัติไว้ว่า “ชอบเรียนรู้ รวดเร็ว มีความสามารถในการปรับตนให้เข้ากับเหตุการณ์” สัญลักษณ์ประจำบ้านคือ นกอินทรี ซึ่งเป็นนกที่แข็งแรง บินเร็ว และมองได้ไกล การที่มีสัตว์ประจำบ้านเป็นนกที่บินอยู่ในอากาศเป็นการสะท้อนถึงความเป็นธาตุลมของบ้านหลังนี้เช่นกัน อาจารย์ประจำบ้านคือศาสตราจารย์ฟลิตวิก อาจารย์สอนวิชาเวทมนตร์คาถา (เกิด 17 ต.ค. ราศีตุล ธาตุลม) เป็นพ่อมดตัวเล็กที่ต้องยืนบนตั้งหนังสือจึงจะสูงพ้นโต๊ะเล็กเชอร์ แต่ความสามารถด้านเวทมนตร์อยู่ในระดับแนวหน้า เคยชนะการแข่งขันดวลเวทมนตร์สมัยยังหนุ่ม แสดงถึงความสามารถในการปรับตัวของศาสตราจารย์ฟลิตวิกที่แม้จะตัวเล็กแต่ก็พัฒนาความสามารถด้านเวทมนตร์มาชดเชยความด้อยทางร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยม

          บ้านหลังสุดท้ายซึ่งผมเชื่อว่าเป็นธาตุน้ำ ค่อนข้างโชคร้ายเพราะเจ เค โรว์ลิ่ง วางตัวละครตัวร้ายไว้ในบ้านหลังนี้ เช่น โวลเดอมอร์, มัลฟอย ฯลฯ ดังนั้น ลักษณะที่ปรากฏออกมาจึงเป็นไปในทางลบเป็นส่วนใหญ่ (นักศึกษาโหราศาสตร์ต้องระลึกว่านี่เป็นนวนิยาย ย่อมสร้างบทบาทตัวละครให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ฝ่ายไหนคือฝ่ายดี ฝ่ายไหนคือฝ่ายร้าย ดังนั้น หากจะนำไปใช้พยากรณ์จริงก็อย่าลืมด้านบวกของธาตุน้ำด้วย) หมวกคัดสรรระบุลักษณะของเด็กที่เข้าบ้านสลิธีรินไว้ว่า เป็นคนที่มุ่งความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย โดยไม่สนใจวิธีการ หรือเรียกว่า ฉลาดแกมโกง ลักษณะของธาตุน้ำในทางโหราศาสตร์ ได้แก่ ช่างคิดช่างฝัน ลึกซึ้ง มีความรู้สึกไว เจ้าอารมณ์ ลึกลับ ดังนั้น การที่บ้านสลิธีรินมี งู เป็นสัญลักษณ์อันหมายถึงความลึกลับ จึงสะท้อนลักษณะของธาตุน้ำ  อาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินคือ ศาสตราจารย์ เซเวอรัส สเนป อาจารย์ประจำวิชาการปรุงยา (เกิด 9 ม.ค. ราศีมกร ธาตุดิน ซึ่งส่งผลให้สเนปเป็นคนจริงจัง แทบไม่เคยพูดเล่นเลย) ลักษณะเด่นของสเนปคือ ความเจ้าคิดเจ้าแค้นที่มีต่อพ่อของแฮร์รี่ และความลึกลับที่ไม่ทราบว่าเขาอยู่ฝ่ายดับเบิลดอร์หรือฝ่ายโวลเดอมอร์กันแน่ (ซึ่งมีการเฉลยในภาคที่ 7 แต่ขออนุญาตไม่กล่าวถึงเพราะเข้าใจว่ายังมีแฟนๆแฮร์รี่จำนวนมากที่ยังไม่ได้อ่านเล่มสุดท้าย) เท่าที่ผมสังเกตพบว่า ลักษณะของบ้านสลิธีรินจะมาจากด้านลบของราศีพิจิกและราศีมีนเป็นหลัก ส่วนราศีกรกฎมีอิทธิพลค่อนข้างน้อย 

          มีบทความ “Harry Potter and the Astrologer’s Chart” โดย Neil Spencer ในเว็บไซต์ของสมาคมโหราศาสตร์แห่งเกรทบริเตน (The Astrological Association of Great Britain) กล่าวถึงเรื่องบ้านทั้งสี่ว่ามาจากราศีทวารทั้งสี่คือ เมษ-กริฟฟินดอร์, กรกฎ-ฮัฟเฟิลพัฟ, ตุล-เรเวนคลอ และมกร-สลิธีริน ซึ่งผมไม่เห็นด้วยเนื่องจากลักษณะเด่นของบ้านฮัฟเฟิลพัฟคือความอดทน มานะพยายาม และความภักดี ซึ่งไม่ตรงกับราศีกรกฎที่หมายถึงความอ่อนไหว อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรู้สึก จึงขออนุญาตนำมาบันทึกความเห็นไว้เพื่อให้ผู้อ่านได้ลองพิจารณาต่อไป

ประเด็นที่ 2: บุคลิกของตัวละครตามวันเกิด

          ในนิยายเรื่องนี้ เจ เค ได้สอดแทรกข้อมูลวันเกิดของตัวละครสำคัญๆไว้เป็นระยะ นอกจากนั้นสำหรับตัวละครบางคนที่เธอไม่ได้ระบุในนวนิยาย เธอได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของเธอ, การให้สัมภาษณ์ หรือกิจกรรมพบปะแฟนๆแฮร์รี่ จากการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว ทำให้ผมเชื่อว่า เจ เค มีความรู้โหราศาสตร์อยู่พอสมควร โดยเฉพาะลักษณะของคนตามราศีที่ดวงอาทิตย์สถิต (Sun Sign) เพราะเธอสามารถบรรยายขยายความลักษณะของตัวละครแต่ละคนได้สอดคล้องกับโหราศาสตร์ ซึ่งนักศึกษาโหราศาสตร์สามารถเรียนรู้ความหมายของแต่ละราศีได้จากนวนิยายเรื่องนี้แน่นอน ทั้งนี้ มีเว็บไซต์โหราศาสตร์บางแห่งได้ผูกดวงชะตาของตัวละครขึ้นมาเพื่ออธิบายเรื่องราวในนวนิยายกับดวงชะตา แต่ผมขออนุญาตข้ามเรื่องดวงชะตาไป เพราะผมไม่คิดว่า เจ เค จะผูกดวงชะตาของตัวละครแต่ละคนเพื่อเขียนนวนิยายเรื่องนี้ออกมา และถึงคำนวณได้ก็ไม่น่าจะเป็นประโยชน์กับนักศึกษาโหราศาสตร์สักเท่าไหร่

          เริ่มต้นด้วยแฮร์รี่ พอตเตอร์ พระเอกของเรื่อง วันเกิดของแฮร์รี่ของวันที่ 31 กรกฎาคม (วันเดียวกับวันเกิดของเจ เค โรว์ลิ่ง) ตรงกับราศีสิงห์ราศีของผู้นำ บุคคลผู้มีชื่อเสียง ซึ่งตรงกับแฮร์รี่อย่างยิ่ง เพราะแฮร์รี่โด่งดังในโลกของพ่อมดแม่มดในนามของเด็กชายผู้รอดชีวิต ตั้งแต่อายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น ในด้านความเป็นผู้นำนั้น ด้วยความเป็นพระเอกของเรื่อง แฮร์รี่จะเป็นผู้นำของกลุ่มเพื่อนๆในทุกๆภาค ไม่ว่าจะมีใครให้ความเห็นหรือคำแนะนำอย่างไร แฮร์รี่จะเป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายเสมอ ความเป็นสิงห์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ความกล้าหาญ แฮร์รี่ไม่เคยกลัวในภยันตรายใดๆ แม้ว่าเขาจะเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะทำลายของลอร์ดโวลเดอมอร์ เขาตรงเข้าต่อสู้อย่างกล้าหาญเสมอ นอกจากนั้น แฮร์รี่ไม่ชอบการถูกบังคับหรืออยู่ในกฎเกณฑ์ ยามใดที่เขาถูกขีดเส้นให้อยู่ในกรอบ ขาดความอิสระ เขาจะออกอาการหัวเสีย หงุดหงิด ซึ่งเราเห็นได้ชัดในภาค 5 ภาคีนกฟีนิกซ์ เมื่อศาสตราจารย์อัมบริดจ์ได้ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาในโรงเรียนอย่างมากมาย แฮร์รี่ไม่สามารถทนอยู่ในกรอบเช่นนั้นได้ พยายามแหกกฎจนถูกลงโทษ และจับมือกับเพื่อนๆตั้งกองทัพดับเบิลดอร์ขึ้นมาอย่างลับๆเพื่อต่อต้านอำนาจของอัมบริดจ์ แง่ลบของความเป็นสิงห์ในตัวแฮร์รี่แสดงให้เห็นชัดเจนในภาค 5-7 เมื่อเขาจะแสดงอาการหงุดหงิดฉุนเฉียวอยู่เสมอ เมื่อถูกตีกรอบหรือปิดกั้น แม้ว่ากรอบเหล่านั้นจะมาจากคนที่รักเขาอย่างดับเบิลดอร์ก็ตาม ในด้านความต้องการเอาชนะของสิงห์นั้น เจเค โรว์ลิ่งได้สอดแทรกเอาไว้อย่างกลมกลืน ในภาค 5 ภาคีนกฟีนิกซ์ เมื่อแฮร์รี่ทราบข่าวว่าทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนีได้รับการแต่งตั้งเป็นพรีเฟ็คหรือหัวหน้านักเรียน แทนที่เขาจะรู้สึกดีใจที่เพื่อนรักได้รับตำแหน่ง เขากลับรู้สึกไม่พอใจเพราะเขาคาดหวังว่าควรจะเป็นเขาที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว เพราะเขาคิดว่าเขาดีกว่าคนอื่นๆ “..ฉันทำอะไรมากกว่าแน่ๆ ฉันทำมามากกว่าสองคนนั่น..”  อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้งสติได้ เขาจึงระงับความคิดแง่ลบเช่นนั้น และกลับมายินดีกับความสำเร็จของเพื่อนรัก

          เพื่อนของแฮร์รี่อีกคนหนึ่งที่เกิดวันเดียวกันคือ เนวิลล์ ลองบัตท่อม เมื่อผมอ่านเรื่องนี้ครั้งแรก ผมรู้สึกว่า เจเคต้องวางบุคลิกภาพของเนวิลล์ เด็กชายผู้เกิดวันเดือนปีเดียวกับแฮร์รี่ ผิดแน่ๆ เพราะบุคลิกของเนวิลล์ออกไปในทางไม่สู้คน ไม่มีความเป็นผู้นำ แต่เมื่ออ่านถึงตอนท้ายของภาคแรก ความเป็นสิงห์ในตัวของเนวิลล์ก็ปรากฏออกมาเมื่อเขาพยายามขัดขวางเพื่อนรักทั้งสามคือแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี ไม่ให้หนีออกไปนอกตึกซึ่งผิดกฎ คำพูดของเนวิลล์แสดงถึงความเป็นสิงห์ที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา “..อย่าเรียกฉันว่าปัญญาอ่อน ฉันไม่คิดว่าพวกนายควรทำผิดกฎมากไปกว่านี้แล้ว และนายเองเป็นคนบอกกับฉันให้ยืนหยัดสู้กับคนอื่น.”  และศาสตราจารย์ดับเบิลดอร์ก็ได้ให้ข้อสรุปถึงความกล้าหาญของเนวิลล์ในเรื่องดังกล่าวว่า “..ความกล้าหาญทุกรูปแบบ ต้องใช้ความแกร่งกล้าอย่างมากที่จะยืนหยัดต่อสู้ศัตรู แต่ต้องมีความกล้ามากกว่านั้นที่จะยืนหยัดต่อเพื่อนของเรา..”  เมื่อเราติดตามนิยายเรื่องนี้มายังเล่มหลังๆ เราก็จะพบว่า เนวิลล์เป็นเด็กที่มีความกล้าหาญอย่างยิ่ง เขาเป็นหนึ่งในกองทัพดับเบิลดอร์และเข้าร่วมการต่อสู้สำคัญๆทุกครั้งโดยไม่กลัวอันตราย ทั้งนี้ สำหรับนักโหราศาสตร์แล้ว เมื่อเราพบว่าเจ้าชะตามีอาทิตย์อยู่ในราศีสิงห์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำออกมาอย่างชัดเจน แต่เราต้องดูจุดเจ้าชะตาอื่นๆและเรือนชะตาอีกด้วย เพราะเมื่อเวลาเกิดไม่ตรงกัน แม้ว่าจะเกิดวันเดือนปีเดียวกัน ก็ย่อมมีความแตกต่างกัน 

          เพื่อนรักของแฮร์รี่คนต่อมาคือ เฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ วันเกิดของเธอตรงกับวันที่ 19 กันยายน ตรงกับราศีกันย์ ลักษณะเด่นของคนราศีกันย์คือเป็นนักวิเคราะห์ นักตรวจสอบ ฉลาด ขยัน มีระเบียบแบบแผน ระมัดระวัง ขี้ระแวง ซึ่งตรงกับความเป็นเฮอร์ไมโอนีทุกประการ เธอเป็นนักเรียนดีเด่นที่ขยันเรียนรู้ทุกๆเรื่องในตำรา เธอจะอ่านตำราจนจบก่อนที่จะเข้าเรียนอยู่เสมอ และทำให้เธอสอบได้ที่หนึ่งทุกๆปี ในกลุ่มเพื่อนรัก 3 คน แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี นั้น เธอจะเป็นคนค้นหาข้อมูลเจาะลึกมาให้เพื่อนๆเสมอ คอยระมัดระวังไม่ให้แฮร์รี่ทำอะไรผลีผลาม เธอเป็นคนปิดจุดอ่อนสำคัญของแฮร์รี่ที่มักจะทำอะไรตามใจตนเองและรวดเร็วจนขาดความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ นักโหราศาสตร์บางท่านอาจสงสัยว่า ทำไมเฮอร์ไมโอนีผู้เกิดในราศีกันย์ ธาตุดิน แต่กลับอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ ซึ่งผมคิดว่าเป็นธาตุไฟ ตรงนี้ ผมเชื่อว่า ถ้าเฮอร์ไมโอนีเป็นคนจริงๆ จุดเจ้าชะตาจุดอื่นของเธอคงอยู่ในราศีธาตุไฟอย่างแน่นอน เพราะทุกครั้งที่ถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ เฮอร์ไมโอนีจะมีความกล้าหาญอยู่เสมอ ไม่ได้ปล่อยให้ความระมัดระวังแบบราศีกันย์มาขัดขวางการมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายที่มีความเสี่ยง

          เพื่อนรักอีกคนหนึ่งของแฮร์รี่ คือ โรนัลด์ วีสลีย์ หรือ รอน ผู้เกิดในวันที่ 1 มีนาคม ตรงกับราศีมีน ลักษณะเด่นของราศีมีนคือ ความคลุมเครือ การปกปิด มีจินตนาการ ซึ่งรอนก็มีลักษณะเช่นนั้น กล่าวคือ รอนเป็นลูกคนกลางๆ ที่ไม่รู้ว่าตนเองมีจุดเด่นหรือชอบอะไร มักตามใจคนอื่น ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง ต้องอาศัยคนอื่นช่วยสนับสนุนจึงจะมั่นใจ ตอนที่ได้รับตำแหน่งคีปเปอร์ของทีมควิดดิช เขาต้องใช้เวลานานมากถึงจะเกิดความมั่นใจจนพบว่าตนเองก็เป็นนักกีฬาที่ดีได้ ที่น่าแปลกใจอีกอย่างคือ เจเค ได้เขียนเรื่องให้รอนและเฮอร์ไมโอนีชอบกัน ซึ่งราศีมีนของรอนและราศีกันย์ของเฮอร์ไมโอนีเป็นราศีที่ตรงข้ามกันพอดี มีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม คู่รักที่มีความแตกต่างอย่างสุดขั้วอย่างสองราศีนี้ ก็สามารถเป็นคู่รักที่ลงตัวก็ได้ หากนำความต่างนั้นมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน

          ตัวร้ายที่สุดในนิยายเรื่องนี้คือ ลอร์ด โวลเดอมอร์ หรือชื่อเดิมว่า ทอม มาร์โวโล่ ริดเดิ้ล เกิดวันที่ 31 ธันวาคม ตรงกับราศีมกร ในทางโหราศาสตร์นั้น ราศีมกร หมายถึง ความนาน ความสิ้นสุด พลัดพราก ความทุกข์ ความโดดเดี่ยว ความจริงจัง สนใจแต่เรื่องของตน ลอร์ดโวลเดอมอร์นั้นเติบโตขึ้นมาในโรงเลี้ยงเด็กกำพร้า เนื่องจากพ่อทิ้งแม่ของเขาไป และแม่ของเขาก็เสียชีวิตหลังจากคลอดทอมได้ไม่ถึงชั่วโมง ศาสตราจารย์ดับเบิลดอร์เคยอธิบายถึงลักษณะนิสัยของทอมไว้ว่า “ทอม ริดเดิ้ลเป็นคนที่ไม่พึ่งใคร.. และดูเหมือนจะไม่มีเพื่อน เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ.. เขาพอใจที่จะทำงานคนเดียว..ลอร์ดโวลเดอมอร์ไม่เคยมีเพื่อน และฉันเชื่อว่า เขาไม่เคยต้องการเพื่อนเลยด้วย”ซึ่งก็ตรงกับลักษณะในแง่ร้ายของราศีมกร ในแง่บวกนั้น ราศีมกร เป็นคนทำงาน เป็นการเป็นงาน มีความพยายามสูง มั่นคงต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก้าวหน้าเพราะทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งก็ตรงกับลักษณะของโวลเดอมอร์อีก เพราะโวลเดอมอร์ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นจอมมารตั้งแต่เรียนในฮอกวอตส์แล้ว และใช้เวลามากกว่าสิบปีในการดำเนินการตามแผนการของเขาจนกระทั่งก้าวขึ้นเป็นจอมมาร

          ตัวละครฝ่ายร้ายที่สำคัญอีกคนหนึ่งที่น่าจะกล่าวถึงคือ เดรโก มัลฟอย นักเรียนร่วมรุ่นของแฮร์รี่ ผู้ซึ่งอยู่บ้านสลิธีริน และมีบทบาทขัดแย้งกับแฮร์รี่ตั้งแต่ช่วงแรกๆของภาคที่ 1 เลยทีเดียว มัลฟอย เกิดวันที่ 5 มิถุนายน ตรงกับราศีมิถุน ในทางโหราศาสตร์นั้น ราศีมิถุนมีลักษณะเด่นคือ มีความสามารถในการปรับตัวสูง คล่องแคล่ว และมีความสามารถในการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ได้อย่างดี ถ้าจะพูดในแง่ร้าย ก็คือมีความกะล่อน เมื่อลองหันมามองมัลฟอย เราจะพบว่า บุคลิกในแง่ลบของมัลฟอยคือเป็นเด็กที่ชอบคุยโวโอ้อวดความสามารถของตนหรือไม่ก็อภิสิทธิ์ที่เขาได้รับจากบารมีของพ่อ ความสามารถด้านลบอีกอย่างหนึ่งของมัลฟอยคือการประจบประแจงอาจารย์ รวมถึงการแสดงละครแกล้งทำเป็นบาดเจ็บเพื่อได้รับความเห็นใจ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ามัลฟอยเป็นนักเรียนที่มีความสามารถรอบด้าน ทั้งการบิน (เป็นซีกเกอร์ประจำบ้านสลิธีริน), การปรุงยา, การใช้คำสาปสะกดใจ และการสร้างเหรียญลงคาถาเพื่อเป็นวิธีการติดต่ออย่างลับๆ (ที่ลอกเลียนแบบมาจากวิธีของเฮอร์ไมโอนี)

          จะเห็นได้ว่า เจ เค โรว์ลิ่ง สามารถเลือกวันเกิดให้กับตัวละครแต่ละตัวได้ตรงกับบุคลิกภาพของคนแต่ละราศี ทำให้ผมมั่นใจมากว่า เธอมีความรู้ความเข้าใจในโหราศาสตร์อยู่ไม่น้อย คล้ายๆกับกุสตาฟ โฮลส์ นำความหมายทางโหราศาสตร์ของดาวเคราะห์แต่ละดวงมาประพันธ์บทเพลงคลาสสิคได้อย่างลงตัว

          ยังมีตัวละครอีกหลายคนที่เจ เค โรว์ลิ่ง ได้บอกวันเกิดเอาไว้ แต่ผมคิดว่าถ้าผมเขียนอธิบายทั้งหมด คงทำให้บทความนี้ยาวมากและอาจจะไม่สนุกเท่าที่ควร ถ้าจะทำให้น่าสนุกยิ่งขึ้น ผมคิดว่าผู้อ่านที่พอมีความรู้โหราศาสตร์น่าจะลองดูข้อมูลวันเกิดของตัวละครแต่ละคนตามรายละเอียดด้านล่าง และนำไปพิจารณาดูว่า บุคลิกของตัวละครตรงกับราศีของเขาหรือไม่ อย่างไร อย่างนี้น่าจะสนุกกว่านะครับ

  • เจมส์ พอตเตอร์ (พ่อของแฮร์รี่) เกิด 27 มีนาคม
  • ลิลี่ พอตเตอร์ (แม่ของแฮร์รี่) เกิด 30 มกราคม
  • ดัดลีย์ เดอรสลีย์ (ลูกพี่ลูกน้องของแฮร์รี่) เกิด 23 มิถุนายน 
  • อาเธอร์ วีสลีย์ (พ่อของรอน) เกิด 6 กุมภาพันธ์
  • มอลลีย วีสลีย์ (แม่ของรอน) เกิด 30 พฤศจิกายน
  • บิล วีสลีย์ (พี่ชายคนโตของรอน ทำงานในธนาคารกริงกอตส์) เกิด 29 พฤศจิกายน
  • ชาลี วีสลีย์ (พี่ชายของรอน ทำงานในโรมาเนีย) เกิด 12 ธันวาคม
  • เพอร์ซี วีสลีย์ (พี่ชายของรอน ทำงานในกระทรวงเวทมนตร์) เกิด 22 สิงหาคม
  • เฟรด และ จอร์จ วีสลีย์ (พี่ชายของรอนที่เป็นฝาแฝด) เกิด 1 เมษายน
  • จินนี่ วีสลีย์  (น้องสาวของรอน) เกิด 11 สิงหาคม
  • รูเบียส แฮกริด เกิด 6 ธันวาคม

          เขียนมาถึงตอนนี้แล้ว พบว่า เนื้อหาของบทความค่อนข้างยาวกว่าที่นึกเอาไว้ แต่ยังมีประเด็นว่าด้วยโหราศาสตร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ยังไม่ได้กล่าวถึงอีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นวิชาพยากรณ์ศาสตร์ในฮอกวอตส์, เซ็นทอร์ นักพยากรณ์, ชื่อตัวละครกับความหมายแฝง ฯลฯ ซึ่งแต่ละเรื่องก็น่าสนใจและน่าจะเป็นประโยชน์กับนักศึกษาโหราศาสตร์และผู้สนใจทั่วไป ผมจึงขออนุญาตยกประเด็นเหล่านี้ไปไว้ใน โหราศาสตร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนหน้าก็แล้วกันครับ

เอกสารอ้างอิง
1. พลตรี ประยูร พลอารีย์, คัมภีร์สูตรเรือนชะตา, โรงเรียนโหราศาสตร์กรุงเทพ.
2. พลตรี ประยูร พลอารีย์, ทฤษฎีการพยากรณ์.
3. วิโรจน์ กรดนิยมชัย, เอกสารประกอบการศึกษาโหราศาสตร์ยูเรเนียน เล่ม 1, บ้านโหราศาสตร์, 2542.
4. เจ เค โรว์ลิ่ง, แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 1-7, Bloomsbury & นานมีบุ๊คส์.
5. 
http://www.hp-lexicon.org

 อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.horauranian.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=525698&Ntype=1

โอกาสพิเศษ ดูดวงแม่นๆแล้วลุ้นรับพระเครื่องศตวรรษอุปัชฌาย์ในหลวง ที่ 1900 888 055

หลังจากเปิดตัวเพียงไม่ถึงเดือน บริการ “คนมองฟ้าพยากรณ์” 1900 888 055 ก็ได้กระแสตอบรับอย่างท่วมท้น ทำให้ทีมงานต้องจัดหาของสมนาคุณตอบแทนน้ำใจสำหรับผู้โชคดีที่โทรมาใช้บริการ คนมองฟ้าพยากรณ์ ระหว่าง 29 ก.ค. – 4 ส.ค. 2555 นั่นคือ พระเครื่อง​ ศตวรรษ รูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระอุปัชฌาย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช

พระรูปเหมือน สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์

พระเครื่ององค์นี้ พระเทพวัชรธรรมากรณ์ (สุรพงส์ ฐานวโร) วัดบวรนิเวศได้สร้างเมื่อปี 2515 เนื่องในโอกาสครบ 100 ปีสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ พระผงรุ่นนี้ผ่านการพุทธาภิเษกหลายครั้ง รวมถึงเข้าพิธีพุทธาภิเษกพร้อมกับพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 เมื่อปี 2530 พระรุ่นนี้ได้นำออกมาให้ญาติโยมบูชาเมื่อปี 2551 เพื่อสมทบทุนโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดบวรนิเวศฯ

ทางทีมงานจะสุ่มเลือกผู้โชคดีเพียง 1 ท่านจากผู้ที่โทรมาใช้บริการคนมองฟ้าพยากรณ์​ 1900 888 055 ระหว่างวันที่ 29 ก.ค.-4 ส.ค. 2555

“คนมองฟ้าพยากรณ์” คือ ศูนย์รวมนักพยากรณ์มืออาชีพทางโทรศัพท์จากหลากหลายศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น โหราศาสตร์ไทย สากล ยูเรเนียน ไพ่ยิปซี ไพ่ออราเคิล มหาทักษา เลขเจ็ดตัว เลขศาสตร์ และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อมาให้คำพยากรณ์แนะแนวทางพัฒนาชีวิตให้เต็มศักยภาพของคุณ ทั้งด้านการเงิน การงาน ความรัก แบบสดๆ ตัวต่อตัว ไม่มีเทปให้เสียอารมณ์ โทร. 1900 888 055 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00-1:00 น. นำทีมโดย อาจารย์กามล แสงวงศ์ แห่งรายการคนมองฟ้า บลูสกายแชนเนล ค่าบริการนาทีละ 15 บาทเท่านั้น

โทรมาเลยวันนี้ รู้อนาคตของคุณ และอาจโชคดีได้รับพระเครื่องศตวรรษเป็นมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย

มารู้จักวันพาย (Pi Day) กันเถอะ

มารู้จักวันพาย (Pi Day) กันเถอะ

โดย Pallas
http://www.horauranian.com

22 กรกฎาคม 2551

          วันนี้เป็นวันที่ 22 กรกฎาคม (ในทางโหราศาสตร์จะตรงกับวันที่ดาวอาทิตย์ยกเข้าราศีสิงห์ ราศีแห่งการสร้างสรรค์และการเป็นผู้นำ) หากเขียนวันที่เป็นตัวเลขแบบยุโรปก็จะเป็น 22/7 ซึ่งก็คือค่าโดยประมาณของค่าพาย (π) และเป็นที่มาของการกำหนดให้วันที่ 22 กรกฎาคมของทุกปีเป็นวันพาย (Pi Day π) อันที่จริงแล้ว ยังมีอีก 2 วันที่ถูกเลือกให้เป็นวันพายเหมือนกัน นั่นคือ วันที่ 14 มีนาคม ซึ่งเขียนวันที่ในรูปแบบอเมริกันจะได้ว่า 3.14 ตรงกับค่าประมาณของ Pi (3.14159..) นอกจากนี้ยังมีอีก 2 วันที่ถูกกำหนดให้เป็นวันพายเช่นกัน นั่นคือวันที่ 10 พฤศจิกายน (ในปีอธิกสุรทินจะตรงกับวันที่ 9 พฤศจิกายน) เพราะเป็นวันที่ 314 ของปี และยังมีอีกวันหนึ่งคือ 21 ธันวาคม เวลา 1:13 pm  ซึ่งเป็นวันที่ 355ของปี เมื่อรวมกับเวลาดังกล่าว ก็จะตรงกับค่าประมาณของ Pi เท่ากับ 355/113 ที่นักคณิตศาสตร์ชาวจีน จูฉงจือ (Zu Chongzhi) คำนวณไว้เมื่อปี ค.ศ. 429-501 หรือกว่า 1,500

          การเฉลิมฉลองในวันพายครั้งแรกนั้น เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1988 ที่พิพิธภัณฑ์สำรวจแห่งซานฟรานซิสโก (San Fancisco Exploratorium) ริเริ่มโดยนายแลร์รี่ ชอว์ (Larry Shaw) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน โดยฉลองกันในวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งตรงกับวันเกิดของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่างอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) อีกด้วย

แล้วทำไมต้องฉลองวันพายกันด้วย?

          สำหรับนักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์แล้ว ค่า π เป็นค่าที่สำคัญในการคำนวณที่เกี่ยวกับวงกลมทั้งหมด เพราะค่านี้มาจากความมหัศจรรย์ของวงกลมที่ว่า ไม่ว่าวงกลมจะมีขนาดเป็นเท่าใด ค่าเส้นรอบวงหารด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางจะมีค่าคงที่เสมอ นั่นคือค่า π นั่นเอง

          ดังนั้น หากใครก็ตามต้องการที่จะทำงานที่ต้องเกี่ยวกับกับขนาดของวงกลม ไม่ว่าจะเป็นเส้นรอบวง พื้นที่วงกลม หรือปริมาตรของทรงกลม ก็ต้องนำค่า π ไปใช้ในการทำงานเสมอ เช่น การคำนวณวงโคจรของดวงดาว การก่อสร้างประตูโค้ง สะพานโค้ง หรือแม้แต่การสร้างอ่างรูปกลม เป็นต้น ทำให้ค่า π นี้ถือเป็นค่าคงที่ที่สำคัญที่สุดค่าหนึ่งของโลกเลยทีเดียว  ดังนั้น จึงไม่แปลกที่นักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์จะให้ความสำคัญของค่าพายจนถึงกับกำหนดเป็นวันสำคัญวันหนึ่งทีเดียว

ประวัติการคำนวณค่าพาย

          จากบันทึกกระดาษปาปิรุสของอียิปต์ตั้งแต่ยุค 2,000 ปีก่อนคริสตกาล มีการคำนวณหาพื้นที่วงกลม 9 หน่วย ซึ่งคำนวณค่า π ได้เท่ากับ (16/9)2 = 3.1605 ซึ่งใกล้เคียงกับค่าพายมากพอสมควรทีเดียว

          ในยุคของกษัตริย์โซโลมอนมหาราชของชาวยิว ประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล มีการก่อสร้างวิหารของกษัตริย์โซโลมอนขึ้น ในวิหารนั้น มีอ่างขนาดใหญ่สำหรับไว้ล้างมือก่อนประกอบพิธีกรรม เรียกว่า Molten Sea ซึ่งในบันทึกที่ค้นพบ ได้อธิบายสัดส่วนของอ่างนั้น และคำนวณค่า π ที่ใช้ในการสร้างอ่างนั้นว่าเท่ากับ 3 ซึ่งเป็นค่าโดยประมาณนั่นเอง

          มาถึงยุคกรีก อาร์คีมีดีส (250 ปีก่อนคริสตกาล) คำนวณได้ว่าอยู่ระหว่าง 223/71 กับ 22/7 หรือระหว่าง 3.140845… กับ 3.142857… ซึ่งถูกต้องถึงระดับทศนิยมหลักที่ 2 พอมาถึง ค.ศ. 480 จูฉงจือได้คำนวณว่าอยู่ระหว่าง 3.1415926 กับ 3.1415927 ซึ่งเป็นค่าที่ใกล้เคียงกับค่าพายอย่างมาก (ถูกต้องจนถึงทศนิยมที่ 6) กว่าที่จะมีผู้สามารถคำนวณได้ละเอียดกว่านี้ก็ต้องรอจนถึง ค.ศ. 1400 นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวอินเดีย Sangamagrama ถึงสามารถคำนวณค่าพายให้ถูกต้องจนถึงทศนิยมที่ 13 นับว่าความรู้คณิตศาสตร์ของจีนตั้งแต่ยุคโบราณก้าวหน้ากว่าอารยธรรมอื่นในโลกมากทีเดียว

          ปัจจุบัน เรามีคอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณ ทำให้สามารถคำนวณค่าพายได้ถูกต้องละเอียดกว่าในอดีตอย่างมาก ล่าสุดในปี ค.ศ. 2002 ดร.คานาดะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้คำนวณถึงทศนิยมหลักที่ 1,241,100,000,000 เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้งานทั่วไป ค่า π ที่คำนวณตั้งแต่สมัยจูฉงจือก็น่าจะเพียงพอแล้ว

พายเกี่ยวข้องกับโหราศาสตร์อย่างไร?

          โหราศาสตร์เป็นการพยากรณ์จากปรากฏการณ์บนท้องฟ้า นักโหราศาสตร์นำตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้ามาเขียนเป็นดวงชะตาในรูปวงกลม เสมือนเป็นการจำลองภาพ 3 มิติ (ทรงกลมฟ้า) มาเป็นภาพ 2 มิติ (ดวงชะตา)

          เพื่อสามารถคำนวณดวงชะตาให้ถูกต้อง นักโหราศาสตร์จำเป็นที่จะต้องมีปฏิทินดวงดาวที่มีความแม่นยำ การคำนวณตำแหน่งดวงดาวนั้นจะต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับวงกลมอย่างมาก เมื่อเราพูดถึงวงกลม เราก็ต้องคิดถึงค่า π เสมอ ในยุคปโตเลมี เชื่อกันว่าวงโคจรของดวงดาวอยู่ในลักษณะวงกลม ต่อมาเมื่อเราค้นพบว่าโลกและดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะวงรี เคปเลอร์จึงได้สร้างกฎการโคจรของดาวขึ้น โดยเฉพาะกฎข้อที่ 3 นั้น เมื่อขยายด้วยกฎของนิวตัน ก็จะมี π อยู่ในสมการด้วย (ขออนุญาตไม่ลงสมการเพราะค่อนข้างซับซ้อน) ดังนั้น หากสามารถคำนวณค่าพายได้ถูกต้อง ตำแหน่งดวงดาวตามปฏิทินดาวก็จะถูกต้องไปด้วย ส่งผลให้การพยากรณ์ของนักโหราศาสตร์สอดคล้องกับปรากฏการณ์บนท้องฟ้ามากยิ่งขึ้น พูดง่ายๆคือ ช่วยให้การพยากรณ์แม่นยำขึ้นนั่นเอง

          ดังนั้น เมื่อถึงวันพายเช่นวันนี้ นักโหราศาสตร์ลองหันมาศึกษาเรื่องค่า π ก็น่าจะช่วยให้เข้าใจกลไกของฟ้าได้ดีขึ้น และนำไปสู่ความมั่นใจในคำพยากรณ์ของเราต่อไปครับ

แหล่งข้อมูล
http://www.pidayinternational.org
http://eng.wikipedia.org

ดาวเรียงตัวสวยๆ เช้ามืดพรุ่งนี้ (16 ก.ค. 55)

ฟ้าตะวันออก 16 ก.ค. 55 เช้ามืด

เช้ามืดพรุ่งนี้ (จ.16 ก.ค. 55) ก่อนดวงอาทิตย์ราว 1 ชั่วโมง หากมองไปทางฟ้าตะวันออก สูงจากขอบฟ้าราว 20 องศา จะเห็นดวงจันทร์ ดาวศุกร์ ดาวอัลเดอบารัน (หรือดาวตาวัว) และดาวพฤหัส เรียงตัวอย่างสวยงาม
ใครตื่นเช้ามืด ชาวคนมองฟ้าก็เชิญชวนดูดาวสวยๆกันครับ

ศุกร์ที่ 13 ร้ายจริงหรือ?

เนื่องจากวันศุกร์ที่ 13 ก.ค.ปีนีี้ จะมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในคดีสำคัญออกมา สื่อมวลชนจึงต่างพากันตีข่าวเกี่ยวกับอาถรรพ์ศุกร์ที่่ 13 กันใหญ่โต ในฐานะเป็นนักโหราศาสตร์คนหนึ่งจึงขอนำเกร็ดโหราศาสตร์และเลขศาสตร์มาเล่าสู่กันฟัง

ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนว่า เรื่องศุกร์ที่ 13 นี้ ไม่ใช่โหราศาสตร์แต่อย่างใด เพราะไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งดวงดาวบนท้องฟ้า แต่เป็นเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับวันและตัวเลขล้วนๆ การจะอธิบายอาถรรพ์ศุกร์ที่ 13 จึงต้องอธิบายด้วยเลขศาสตร์เป็นหลัก

ตามข้อมูลใน wikipedia พบว่า ไม่มีหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรใดๆกล่าวถึงอาถรรพ์ศุกร์ที่ 13 ก่อนศตวรรษที่ 19 หลักฐานแรกที่พูดถึงเรื่องนี้อยู่ในบันทึกประวัติ จิโออาชิโน รอสสินี ผู้ซึ่งเสียชีวิตในวันศุกร์ที่ 13 ส่วนทฤษฏีที่อธิบายเรื่องอาถรรพ์ศุกร์ที่ 13 ก็มีหลากหลายแหล่ง ที่โด่งดังที่สุดก็น่าจะมาจากนวนิยายเรื่อง Davinci Code ของแดน บราวน์ที่เขียนไว้ว่า “แลงดอนคิดถึงการล้อมจับพวกนักรบอันโด่งดังเมื่อปี ค.ศ. 1307 ในวันศุกร์ที่ 13 วันแห่งเคราะห์ร้าย เมื่อพระสันตะปาปาเคลมองต์ทรงฆ่าและฝังพวกอัศวินนักรบนับร้อย” แต่คำกล่าวอ้างของแดนบราวน์เป็นเรื่องกล่าวอ้างขึ้นมาในยุคหลังๆ

เรื่องน่าแปลกในทางพยากรณ์ศาสตร์คือ การให้วันศุกร์เป็นวันโชคร้าย ทั้งๆที่ดาวศุกร์เป็นดาวแห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นดาวศุภเคราะห์หรือดาวดีในโหราศาสตร์คลาสสิค ผมจึงไม่ได้ใส่ใจมากนักในเรื่องวันศุกร์

ไพ่หมายเลข 13 The Death

แต่สำหรับเลข 13 นั้น เป็นเลขที่ท่านไคโรเขียนไว้ชัดเจนว่า โดยทั่วไปเป็นเรื่องโชคร้าย แต่ไคโรยังระบุไว้ว่า “ผู้ใดเข้าใจเลข 13 ผู้นั้นก็จะได้มีอำนาจและอิทธิพล” ไพ่ทาโรต์เลขที่ 13 คือไพ่ The Death หรือยมฑูต ภาพหน้าไพ่เป็นรูปยมฑูต (โครงกระดูก) นั่งบนหลังม้า โบกธงเข้ามาเก็บวิญญาณของผู้เสียชีวิต โดยไม่สนใจนักบวชและเด็กที่อยู่ด้านหน้า ความหมายคือ การสูญเสีย การพลัดพราก การเปลี่ยนแปลง ในขณะเดียวกัน ก็หมายถึง การสิ้นสุดของปัญหา หรือการเกิดใหม่ก็ได้ เพราะการเกิดใหม่ เริ่มต้นใหม่ จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเรื่องเก่าได้จบสิ้นลง ยุติลง ตรงนี้เองคือสิ่งที่ท่านไคโรระบุว่า หากใครเข้าใจก็จะมีอำนาจและอิทธิพล

เคล็ดลับสำคัญของเลข 13 นั่นคือ เราต้องพร้อมยุติเรื่องราวหรือปัญหาเก่าๆ อย่าไปพะวงกับเรื่องในอดีต ต้องตัดให้ขาด เพื่อจะได้เดินต่อไปข้างหน้าสู่อนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น

เขียนโดย Pallas แห่ง  www.horauranian.com

สัดส่วนทองคำ พระสมเด็จวัดระฆัง และเลขศาสตร์

วันนี้ (12 ก.ค. 55) อ่านหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ หน้าจุดประกาย เจอบทความที่น่าสนใจ “ข้างหลังพระ (สมเด็จฯ)” เขียนโดย คุณกวิน ธาราพิพัฒนกุล เนื้อหากล่าวถึง หลวงวิจารณ์เจียรนัย หัวหน้าช่างทองหลวงในราชสำนักรัชกาลที่ 4 เป็นผู้แกะแม่พิมพ์ที่ใช้สร้างพระเครื่องถวายสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต วัดระฆังฯ โดยใช้สัดส่วนทองคำ (Golden Ratio) จนกลายเป็น พระสมเด็จฯ อันเป็นตำนานแห่งวงการพระเครื่องไทย

สัดส่วนทองคำ คือ 1:1.61803399… เป็นสัดส่วนเลขคงที่ปรากฏตั้งแต่อารยธรรมกรีก พบในอนุกรมคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า อนุกรมฟีโบนาชี่ (Fibonacci Series) ค่าสัดส่วนทองคำนี้ถูกนำไปใช้ในการออกแบบสถาปัตยกรรมชั้นเลิศ ไม่ว่าจะเป็น วิหารพาเธนอนในกรีก ทัชมาฮาลในอินเดีย รวมไปถึงงานจิตรกรรม ประติมากรรม นอกจากนี้ ในวงการการเงิน นักวิเคราะห์แบบเทคนิคก็นำสัดส่วนนี้มาใช้ในทฤษฎีคลื่นเอลเลียต (Elliot Wave) กันอย่างกว้างขวาง

ในบทความดังกล่าว บอกว่า ความยาวของฐานองค์พระสมเด็จฯ ต่อ ความสูงจากฐานพระถึงจรดปลายพระเกศาขององค์พระ จะเท่ากับสัดส่วน 1:1.618 พอดี นั่นทำให้พระสมเด็จฯของสมเด็จโตจึงมีสัดส่วนสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้เป็นพระเครื่องในตำนาน

ในมุมมองของเลขศาสตร์ หากเรานำตัวเลข 1.61803399… มาบวกกัน แม้ว่าเลข 9 ที่ต่อท้ายจะไม่สิ้นสุด แต่ไม่เป็นปัญหาในวิชาเลขศาสตร์ เพราะเลข 9 ไปบวกกับเลขอะไรก็ตาม ก็ได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวนั้นเหมือนเดิม กรณีนี้ 1+6+1+8+0+3+3+9+9 = 40 เอาเลข 4+0 = 4

ตำราเลขศาสตร์ไคโร ระบุว่า เลข 4 คือดาวมฤตยู (Uranus) บุคคลเลข 4 เป็นบุคคลที่มีบุคลิกเป็นตัวของตัวเอง มีมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่นเสมอ นั่นอาจส่งผลให้งานที่ใช้สัดส่วนทองคำนี้มีความแตกต่างจากงานทั่วไปก็เป็นได้

และหากเราวิเคราะห์จากวิชาเลขศาสตร์ไพ่ทาโรต์ที่อาจารย์กามลสอนเอาไว้ เลข 4 คือไพ่จักรพรรดิ (Emperor) ซึ่งหมายถึง ชนชั้นผู้นำ ผู้ทรงเกียรติยศศักดิ์ศรี ความหรูหราใหญ่โต ความยิ่งใหญ่อลังการ นั่นทำให้สัดส่วนทองคำจึงเป็นตัวเลขแห่งความยิ่งใหญ่สมกับการเป็นสัดส่วนทองคำนั่นเอง

โดย Pallas แห่ง http://www.horauranian.com

เลขศาสตร์ไคโร

เลขศาสตร์ (Numerology) เป็นพยากรณ์ศาสตร์แขนงหนึ่ง ที่พัฒนามาตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย โดยชาวคาลเดียนและชาวอียิปต์ ต่อมาได้ส่งต่อผ่านมาทางฮิบรู เลขศาสตร์ได้รับความนิยมรุ่งเรืองมากในสมัยของโหรที่ใช้ชื่อว่า “ไคโร (Cheiro)” ชาวไอริช ซึ่งมีชีวิตระหว่าง ค.ศ. 1866-1936

ไคโร

ชื่อจริงของไคโรก็คือ วิลเลียม จอห์น วอร์เนอร์ (William John Warner) เป็นชาวไอริช เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1866 ในหมู่บ้านนอกเมืองดับลิน ไอร์แลนด์ จากข้อมูลใน Astrodatabank ให้เวลาเกิดเขาที่ 10:53 LMT Dublin, Ireland (Astro databank ให้ความน่าเชื่อถือของข้อมูลระดับ A คือมาจากความจำ) นอกจากนี้ เขายังมีชื่ออีกชื่อหนึ่งคือ เคานท์ หลุยส์ แฮมอน (Count Louis Hamon หรือ Count Leigh de Hamong) เพื่อแสดงว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากชนชั้นสูงชาวนอร์แมน (กลุ่มคนในยุคโบราณทางตอนเหนือของฝรั่งเศส) ไคโรได้เล่าไว้ในบันทึกความจำเขาว่า เขาได้รับความรู้การพยากรณ์มาจากอินเดีย ตอนวัยรุ่น เขาเดินทางมาท่าเรือเมืองบอมเบย์ ได้พบกับคุรุที่เป็นพราห์มผู้ซึ่งพาเขาไปยังหมู่บ้านในแคว้นมหาราช ที่นั่นเขาได้ศึกษาการอ่านลายมือจากตำราโบราณเป็นเวลา 2 ปี จากนั้นเขาจึงเดินทางกลับกรุงลอนดอนแล้วเริ่มต้นอาชีพนักพยากรณ์ลายมือ

ไคโรได้พยากรณ์ให้กับบุคคลผู้มีชื่อเสียง กษัตริย์ และชนชั้นนำต่างๆมากมาย เช่น มาร์ค ทเวน นักเขียนชื่อดัง, ออสการ์ ไวลด์ นักเขียนชาวไอริชชื่อดัง, โธมัส เอดิสัน ยอดนักประดิษฐ์, วิลเลียม แกลดสโตน อดีตนายกฯอังกฤษ ฯลฯ คำพยากรณ์ที่โด่งดังของไคโรมีมากมาย และถูกเล่าต่อๆกันจนดูเหมือนปาฏิหาริย์ เช่น ไคโรได้พยากรณ์วันสวรรคตของพระราชินีวิคตอเรีย, เดือนและปีที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 จะสวรรคต, ชะตากรรมอันมืดมนของซาร์องค์สุดท้ายของรัสเซีย, การลอบสังหารกษัตริย์ฮัมเบิร์ทของอิตาลี ฯลฯ

หนึ่งในคำพยากรณ์ที่โด่งดัง ก็คือการพยากรณ์การเสียชีวิตของลอร์ดคิทเช่นเนอร์ล่วงหน้า 22 ปี โดยเขาพยากรณ์เรื่องนี้ที่กระทรวงกลาโหม (the War Office) ว่าลอร์ดคิทเช่นเนอร์จะเสียชีวิตเมื่ออายุ 66 ปี โดยไม่ได้ตายอย่างที่ทหารทั่วไปคาดไว้ แต่ความตายของเขามีสาเหตุจากน้ำ อาจเป็นพายุหรือภัยจากทะเล ส่งผลให้มีโอกาสถูกจับจากข้าศึก ลอร์ดคิทเช่นเนอร์ได้เล่าเรื่องนี้ให้นายทหารฟังระหว่างอยู่แนวหน้าในสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อมา เมื่อลอร์ดคิทเช่นเนอร์อายุ 66 ปี ได้ลงเรือรบแฮมป์เชียร์ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจทางการทูตกับรัสเซีย แต่เรือเจอทุ่นระเบิดของเยอรมัน ทำให้จมลง และลอร์ดคิทเช่นเนอร์เสียชีวิต

ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับคำพยากรณ์ที่ไคโรทำนายนักหนังสือพิมพ์ชื่อดัง วิลเลียม สตีด ว่าจะเสียชีวิตจากเรือ ก่อนที่สตีดจะเสียชีวิตในเรือไททานิคที่จมลง

ต่อมาไคโรได้ย้ายจากอังกฤษมาอยู่ที่เมืองฮอลลีวูด ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาดูลายมือให้ลูกค้าอย่างน้อย 20 รายต่อวัน หรือประมาณ 6,000 คนต่อปี ถือว่าเป็นหมอดูที่ hot มากในยุคนั้น

ไคโรเสียชีวิตเมื่อ 8 ตุลาคม 1936

คำว่า “ไคโร” (Cheiro) นั้น มาจากภาษากรีกคือ Kheir ที่แปลว่า มือ เนื่องจากไคโรเป็นนักพยากรณ์ที่โดดเด่นในเรื่องดูลายมือนั่นเอง ศัพท์ภาษาอังกฤษที่หมายถึงการพยากรณ์จากลายมือนั้น นอกจากคำว่า Palmistry แล้วก็ยังใช้ Cheiromancy อีกด้วย

ตัวไคโรนั้นได้อธิบายตัวเขาว่า เป็นผู้มีตาทิพย์ และสอนวิชาพยากรณ์จากลายมือ โหราศาสตร์ และเลขศาสตร์ (ที่มีรากจากคาลเดียน)

ตำรา “Cheiro’s Book of Numbers” คือตำราคลาสสิคของวิชาเลขศาสตร์ ที่นักพยากรณ์เลขศาสตร์ต้องอ่าน ในตำราเล่มนี้ ท่านได้กำหนดค่าตัวเลขให้กับตัวอักษรภาษาอังกฤษทั้ง 26 ตัว โดยเป็นผลจากการค้นคว้าของชาวคาลเดียนโบราณและตัวอักษรฮิบรู ทำให้สามารถถอดรหัสชื่อของคนออกมาเป็นตัวเลขและใช้พยากรณ์ได้ นั่นคือ

เลข 1 ได้แก่ A, I, J, Q, Y

เลข 2 ได้แก่ B, K, R

เลข 3 ได้แก่ C, G, L, S

เลข 4 ได้แก่ D, M, T

เลข 5 ได้แก่ E, H, N, X

เลข 6 ได้แก่ U, V, W

เลข 7 ได้แก่ O, Z

เลข 8 ได้แก่ F, P

เลข 9 ไม่มีการกำหนดค่าให้ตัวอักษรใด เพราะถือว่าเป็นเลขที่ยิ่งใหญ่ หมายถึงอักษร 9 ตัว อันเป็นชื่อของพระเจ้า

อ.พลูหลวง

สำหรับประเทศไทยนั้น อาจารย์พลูหลวง ปรมาจารย์โหราศาสตร์ไทย ท่านได้คิดค้นและกำหนดค่าตัวเลขให้กับอักษรไทยเช่นกัน โดยท่านเปรียบเทียบจากลักษณะของเลขไทย และทดลองใช้อยู่หลายปี จนมั่นใจว่าได้ผล และเผยแพร่ออกมาในตำรา “พื้นฐานของโหราศาสตร์ (ความมหัศจรรย์ของตัวเลข)” ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2515 ปัจจุบัน ตำราตั้งชื่อในท้องตลาดต่างก็ใช้สูตรการกำหนดค่าตัวเลขให้แต่ละตัวอักษรของท่านอาจารย์พลูหลวงทั้งสิ้น แต่น่าเสียดายที่แทบไม่มีใครอ้างอิงชื่อของท่านซึ่งเป็นผู้คิดค้นเลย

อย่างไรก็ตาม การให้ความหมายของตัวเลขของท่านอาจารย์พลูหลวงนั้น จะแตกต่างจากท่านไคโร เช่น เลข 4 ท่านไคโรกำหนดให้เป็นดาวมฤตยู (Uranus) แต่อาจารย์พลูหลวงกำหนดให้เป็นดาวพุธ ตามสัญลักษณ์ที่ใช้ในโหราศาสตร์ไทย ดังนั้น การแปลความหมายตัวเลขจึงแตกต่างกันมาก ตรงนี้เป็นเรื่องของนักพยากรณ์แต่ละท่านที่จะตัดสินใจเลือกใช้ระบบใดตามแต่ความเชื่อและความรู้ของแต่ละท่าน

โหราศาสตร์ กับ พยากรณ์ศาสตร์ ต่างกันอย่างไร?

โหราศาสตร์ ตรงกับศํพท์ภาษาอังกฤษ์คือ Astrology ซึ่งมาจาก Astro ที่แปลว่า เกี่ยวกับดวงดาว ผสมกับ Logy หรือ Logic ตรรกะ หรือการใช้เหตุผล รวมความคือ การใช้หลักเหตุและผลไปแปลความหมายจากปรากฎการณ์ดวงดาวบนท้องฟ้า ได้แก่ โหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์สากล ยูเรเนียน โหราศาสตร์อินเดีย ฯลฯ ถ้าจะดูดวงด้วยโหราศาสตร์ ก็ต้องระบุวันเวลาเกิด เพื่อคำนวณตำแหน่งดาวบนฟ้ามาใส่ลงในดวงชะตา

ส่วนพยากรณ์ศาสตร์ ตรงกับศัพท์ในภาษาอังกฤษว่า Fortune Telling คือการทำนายเหตุการณ์ในอนาคต โดยใช้วิชาต่างๆ อาจใช้ปรากฏการณ์ดวงดาวบนท้องฟ้าก็ได้ หรือไม่ใช้ก็ได้ เช่น เลข 7 ตัว, ไพ่ยิปซี (Tarot), เลขศาสตร์ ฯลฯ

รู้อย่างนี้แล้ว ครั้งหน้าเวลาไปดูหมอ หากจะถามวิชาที่นักพยากรณ์ใช้ ก็จะทำให้เราเตรียมข้อมูลไปคุยได้ถูกต้องนะครับ

สปอต “คนมองฟ้าพยากรณ์” 1900 888 055

ดูดวงสดๆทางโทรศัพท์กับทีมงาน “คนมองฟ้าพยากรณ์” ได้แล้ววันนี้ ที่ 1900 888 055 นำทีมโดย อ.กามล แสงวงศ์

สปอต คนมองฟ้าพยากรณ์ 1900 888 055

เร่งสรุปข้อตกลงก่อนดาวพุธถอยหลัง 15 ก.ค.นี้

พุธถอยหลัง
พุธถอยหลัง

ดาวพุธจะโคจรถอยหลังตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค. จนถึง 8 ส.ค. 2555 ในช่วงเวลาดังกล่าว การเจรจาทำข้อตกลงใดๆมักล่าช้าหรือไม่เรียบร้อย ดังนั้น ในช่วงสัปดาห์นี้ก่อนที่พุธจะถอยหลัง เราแนะนำให้เร่งสรุปข้อตกลง เซ็นสัญญาต่างๆให้เรียบร้อย งานจะได้ไม่หยุดชะงักหรือล่าช้าไปจากแผนงาน นี่คือการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับจังหวะของฟ้า

หลายคนอาจคิดว่า โหรช่างล้าหลังดาราศาสตร์จริงๆ ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์และไม่มีการถอยหลัง ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดต่อโหร

เราขออธิบายว่า ถ้าเรามองจากสายตาของพระเจ้า คือ ลอยขึ้นไปเหนือโลกและระบบสุริยะ มองลงมา เราจะเห็นดาวพุธโคจรไปข้างหน้ารอบดวงอาทิตย์ ซึ่งเรียกว่า ระบบดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง (Heliocentric) และมีโหรบางสำนักใช้ดวงชะตาระบบนี้เช่นกัน แต่ไม่เป็นที่นิยม

สำหรับโหราศาสตร์ทั่วไปแล้ว เรามองจากมุมของมนุษย์ที่ยืนบนพื้นโลก (ดูได้จากโลโก้ คนมองฟ้า) จึงเห็นว่า ดาวพุธโคจรรอบโลก มีทั้งโคจรไปหน้าและถอยหลัง เรียกระบบนี้ว่า ระบบโลกเป็นศูนย์กลาง (Geocentric) ระบบนี้มีหลักการเบื้องหลังคือ “เบื้องบนเป็นอย่างไร เบื้องล่างย่อมเป็นอย่างนั้น” เบื้องบนจึงเป็นสิ่งที่มนุษย์มองเห็น เรียกว่า ปรากฏการณ์ หรือสิ่งที่ปรากฏให้เห็น จึงจะส่งอิทธิพลต่อเบื้องล่างคือคนบนพื้นโลก นั่นเอง

เขียนโดย Pallas แห่ง http://www.horauranian.com