โดย อาจารย์ กามล แสงวงศ์
มีลูกค้ารายหนึ่งอายุ 26 ปี เขาทำงานที่ไหนก็ไม่ถูกใจ จนตัวเองสิ้นหวัง สิ้นกำลังใจ ทำงานไปวัน ๆ ซังกะตาย
เขาถามว่าเมื่อไหร่เขาจะได้งานดี ๆ ที่เงินเดือนสูง ๆ มีอนาคต เพื่อนร่วมงานดี เจ้านายไม่เห็นแก่ตัวสักที
ผมบอกเขาว่า ถ้าเขาได้งานดีๆแล้วทำงาน เช้าชามเย็นชามอย่างนี้ก็คงไม่รอด เขาบอกว่า ถ้าเขาได้งานดี ๆ นะ เขาจะทุ่มเทสุดชีวิตเชียว
จริง ๆ นะ เขาเอ่ยย้ำและจ้องตาผม
ผมเลยบอกเขาว่า ในโลกนี้ไม่มีหรอก งานดี ๆ น่ะ มันมีแต่งานยาก ๆ งานที่ทำแล้วไม่คุ้มค่าแรง งานที่มีปัญหาเยอะ งานที่เครียด งานที่ไม่อยากทำ งานที่ทำไปก็ไม่มีคนชื่นชมยกย่อง
เพราะเจ้าของเงินเขาชอบจ้างคน มาทำงานที่เขาไม่ชอบแทนเขา ไม่งั้นเขาคงทำเองหมดทุกอย่าง แล้วใครจะจ้างเราเล่า
เราจึงได้แต่ทำงานให้ดีที่สุด ให้เต็มที่สุดชีวิตก่อน หลังจากนั้น…. งานในฝันก็จะตามมาเอง
การที่จะได้งานในฝันก่อน แล้วค่อยจะทุ่มเท มันก็เหมือนกับคำว่า
ต้องสอบได้ที่ 1 ก่อนถึงจะตั้งใจเรียน
ต้องได้เหรียญทองโอลิมปิคก่อนถึงจะขยันซ้อม
ต้องได้รับคำชื่นชมก่อนถึงจะเป็นคนดี
ต้องมีคนจีบก่อนถึงจะทำตัวสวยน่ารัก
ซึ่งมันสวนกระแสสัจธรรม ใครคิดแบบนั้นไม่บ้าก็ทุกข์
คนที่คิดแบบนี้ ส่วนใหญ่มักถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ศัพท์สมัยใหม่เรียกว่า สปอยล์ เหมือนไพ่เด็กเหรียญที่ผม แปลว่าลูกเสี่ย ลูกเสี่ยถูกเลี้ยงมาแบบตามใจสุขสบายจนเคยตัว เวลาเจออะไรยาก ๆ จึงงอแงง่าย เรียกร้อง แต่สิ่งที่สวนทางกับความเป็นจริง แล้วเมื่อไหร่มันจะได้อย่างที่ต้องการ
อย่างลูกค้าคนนี้ก็เช่นกัน ผมจึงอธิบายให้เขาฟังต่อไปว่า ถ้าคุณไม่พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเก่งขึ้น เก่งมากกว่าคนอื่นจนโดดเด่น แล้วที่ทำงานดี ๆ ที่ไหนเขาจะรับคุณ ที่ทำงานดี ๆ เขาก็ต้องรับคนดี ๆ เก่ง ๆ สิ
ดังนั้นผมว่าคุณกลับไปทำงานเดิมนี่แหละ ให้ดีที่สุดให้ยอดเยี่ยมจนโดดเด้งออกมา ชัดเจนจนใคร ๆ เขากล่าวถึง
ถ้าคุณทุ่มเทได้อย่างนี้ งานในฝันก็จะปรากฎขึ้นมาโดยเร็ว และมันต้องเป็นของคุณแน่นอนครับ